ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์ จากจังหวัด จันทบุรี |
|
ใกล้จะถึงวันสิ่งแวดล้อมโลก..มีหัวข้อเรื่องป่าไม้และการอนุรักษ์(สนันสนุนการรณรงค์ข้างล่างด้วย) |
โพสต์เมื่อวันที่ : 2 มิ.ย. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7045 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (71.43%-14 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
|
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
.....
ป่าไม้และการอนุรักษ์
|
ป่าไม้ มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศของโลกโดยเป็นตัวการสำคัญในการสร้างวัฎจักรคาร์บอนไนโตรเจน และออกซิเจน ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของโลก และปริมาณน้ำฝน
ป่าไม้ของโลกและการใช้
ทั่วโลกมีป่าไม้ชนิดต่างๆครอบคลุมพื้นที่ราว ร้อยละ30ของพื้นดินทั้งหมดป่าไม้เป็นระบบนิเวศที่ไม่มีการพัฒนาสูงสุดถึงจุดสมดุลดังนั้นป่าไม้จึงเป็นระบบนิเวศที่รวมมวลชีวภาพไว้ได้มากมายหลากหลายที่สุด และเป็นแหล่งที่ผลิตพันธ์สัตว์ชนิดใหม่ๆได้เร็วและมีความหลากหลายสูงสุดด้วย
ป่าที่ถูกทำลายทั่วโลก
ต้นไม้และป่าไม้เป็นทรัพยากรที่สร้างขึ้นใหม่ได้ถ้าหากจำนวนประชากรไม่มากเกินไป และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเป็นแบบยั่งยืน การตัดไม้หรือการถางป่าไปบ้างก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ร้ายแรง แต่การที่ป่าซึ่งเป็นรับบนิเวศมหัศจรรย์และอุดมสมบูรณ์ที่สุดถูกทำลายในอัตราสูง ได้กลายเป็นปัญหาที่น่าห่วง คุกคามต่อระบบนิเวศของโลกและความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตนับล้านๆชนิด ซึ่งย่อมต้องกระทบกระเทือนต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์ไม่มากก็น้อย
ในทวีปยุโรปเคยมีพื้นที่ป่าไม้ถึงร้อยละ80 ของพื้นที่ทั้งหมด แต่แล้วก็ค่อยๆถูกทำลายเพื่อใช้ในหารก่อสร้างและใช้เพาะปลูก จนถึงปัจจุบันป่าไม้ที่เหลืออยู่เหลือไม่ถึงร้อยละ14 นับว่าเป็นทวีปที่มีการตัดไม้ทำลายป่าสูงมาก
ในทวีปเอเซีย ป่าเขตร้อนถูกทำลายไปถึง50,000 ตร.กม. เมื่อปี2534 ประมาณกันว่าในปีพ.ศ. 2544 เนื้อที่ป่าไม้ที่ถูกทำลายในแต่ละที่ใหญ่เท่ากับประเทศไทยเลยทีเดียว
ประเทศฟิลิปปินส์สูญเสียป่าไม้ถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด
พม่าก็กำลังตัดไม้อย่างขนานใหญ่เพื่อขายท่อนซุงแลกเงินตราต่างประเทศเช่นเดียวกับที่เขมรและลาวกำลังทำกันอย
ในช่วง 30 ปีมานี้บริษัทในญี่ปุ่น เป็นแรงผลักดันให้มีการตัดไม้ทำลายป่าโดยมีชายญี่ปุ่นคนหนึ่งบริโภคกระดาษปีละ300กิโลกรัมต่อคน และยังนิยมการใช้ตะเกียบไม้แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งอีกด้วย
ในทวีปเอเซีย ป่าเขตร้อนถูกทำลายไปถึง50,000ตร.กม. เมื่อปี2534 ประมาณกันว่าในปีพ.ศ. 2544 เนื้อที่ป่าไม้ที่ถูกทำลายในแต่ละที่ใหญ่เท่ากับประเทศไทยเลยทีเดียว
การทำลายป่าในประเทศไทย
เมื่อราวๆ 90 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ป่าของประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 230 ล้านไร่หรือประมาณร้อยละ 72 ของพื้นที่ทั้งหมดนับว่าเป็นพื้นที่ป่าที่มีขนาดใหญ่มาก
แต่เมื่อถึงพ.ศ. 2534 พื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มีเพียง 18%
การอนุรักษ์ป่าไม้การอนุรักษ์ความสมบูรณ์ของป่ายังกระทำได้ด้วยการช่วยกันรักษาต้นไม้ที่เป็นโรค ป้องกันไฟป่า ป้องกันป่าจากมลพิษทางอากาศเช่นฝนกรดและปรากฏการณ์โลกร้อนไปจนถึงการประหยัดกระดาษและการนำกระดาษกลับมาใช้ใหม
1. การป้องกันไม่ให้ตัดไม้กรือป่าถูกทำลายโดยตรง เป็นมาตรการสำคัญในการอนุรักษ์ป่า เช่นในพ.ศ. 2517 สตรีในหมู่บ้านเรนี ทางตอนเหนือเขตประเทศอินเดียรวมตัวกันจัดตั้งขบวณการโอบกอด โดยเข้าโอบกอดต้นไม้ไว้ป้องกันไม่ให้บริษัททำไม้ตัดไม้ไป ปฎิบัติการเช่นนีสามารถรักษาป่าที่เป็นต้นน้ำลำธารในแถบนั้นเป็นเนื้อที่ได้ถึง12,000 ตารางกิโลเมตร ในบางพื้นที่ของประเทศไทยก็มีการ"บวช" ต้นไม้โดยใช้ผ้าเหลืองมาพันรอบป้องกันไม่ให้ผู้คนมาตัดฟันกิ่งไม้ไป
2. การคัดค้านการสร้างเขื่อนใหญ่ และการตัดถนนผ่านป่าก็มีส่วนช่วยรักษาเนื้อที่ป่าบริเวณกว้างไว้ได้ ซึ่งได้มีการกระทำกันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย
3. การจัดการและการอนุรักษ์ป่าที่ดีนั้นรัฐบาลต้องมีนโยบายป่าไม้และนโยบายการใช้ที่ดินที่ถูกต้องชัดเจน การเรียกร้องให้รัฐบาลมีนโยบายอย่างเข้มงวดนั้นก็จะช่วยอนุรักษ์ป่าได้มากทีเดียว
4. การปลูกไม้ทดแทนถ้าเราปลูกต้นไม้เท่ากับจำนวนต้นไม้ที่มาตัดไปบางทีเราอาจรักษาพื้นที่ป่าไว้ได้แต่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา โดยเฉลี่ยแล้วการปลูกต้นไม้ 1 ต้น ต่อการตัด 10 ต้น ป่าไม้จึงถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว
5. การปลูกไม้ทดแทนไม้ที่ตัดไปสามารถกระทำได้ในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นป่าอนุรักษ์เช่นการปลูกป่าในเขตต้นน้ำลำธารที่มีการตัดไม้ไป การปลูกในพื้นที่ที่ถูกภัยธรรมชาติเช่นไฟไหม้ การปลูกต้นไม้ในสวนป่าทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนในป่าชุมชน
เยวชนช่วยพิทักษ์ป่าไม้ได้อย่างไร
1. การคัดค้านการสร้างเขื่อนใหญ่ และการตัดถนนผ่านป่าก็มีส่วนช่วยรักษาเนื้อที่ป่าบริเวณกว้างไว้ได้ ซึ่งได้มีการกระทำกันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย
2. ประหยัดกระดาษไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กระดาษถ้าไม่จำเป็นเรียกร้องให้หาวิถีทางนำกระดาษที่ใช้แล้วกับมาใช้ใหม่ให้มากขึ้นหรือนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆอีก
3. ถ้าหากไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ หรือเขตธรรมชาติอื่นๆอย่าทำลายสิ่งมีชีวิตหรือเคลื่อนย้ายสภาพธรรมชาติ เก็บขยะทั้งหมดของตนติดมาด้วย อย่าทิ้งไว้ในบริเวณนั้น
4. ปลูกต้นไม้สม่ำเสมอ ริเริ่มหรือเข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้ เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์ป่าไม้และชีวิตในธรรมชาติ ต่อสู้พิทักษ์ป่าเช่นร่วมคัดค้านการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ที่ทำลายป่าไม้ และแหล่งที่อยู่อาศัยของพันธ์พืช และสัตว์ป่า
5. เขียนจดหมายถึงผู้แทนราษฎรให้ช่วยกัน อนุรักษ์ป่า เช่นดูแลการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่
6. อย่าซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นงาช้าง ขนสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอื่นๆ
7. ไม่ซื้อสัตว์ป่ามาเลี้ยง เพราะว่าสัตว์ป่ากว่าจะถึงร้านค้าต้องมีการล่าและทำลายหรือมีการล้มตายก่อนหน้านั้นเป็นจำนวนมากสัตว์ป่าเหล่านั้นเมื่อเลี้ยงจนโตแล้วก็ยิ่งดูแลยากลำบาก
http://kajib.hypermart.net/forest.html
|
ข้อมูลอาจไม่อัพเดทเท่าที่ควร แต่ความเสียหายแม้ปัจจุบันก็ไม่ได้น้อยลง ยังคงทำลายกันไม่หยุด
การจัดการทรัพยากรป่าไม้
ป่า หมายถึง "ที่ดินที่ไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ ครอบครองโดยกฎหมายที่ดิน" นิยาม ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
ป่าเสื่อมโทรม ตามระเบียบกรมป่าไม้ พ.ศ.2530 ได้กำหนดรูปแบบความหมายไว้ดังนี้ ป่าเสื่อมโทรม คือ พื้นที่ป่าที่มีค่า ที่มีลักษณะสมบูรณ์เหลือเป็นส่วนน้อย และยากที่จะฟื้นฟูสู่สภาพธรรมชาติได้ คือ
(1) มีลูกไม้ไม่เกิน 20 ต้น/ไร่
(2) มีไม้ขนาดเส้นรอบวงที่ความสูงเพียงอก 50-100 ซม. ไม่เกิน 8 ต้น/ไร่
(3) มีไม้ขนาดเส้นรอบวงที่มีความสูงเพียงอก โตกว่า 100 ซม. ไม่เกิน 2 ต้น
(4) รวมไม้ทุกขนาด (1) - (3) ทั้งหมดไม่เกิน 16 ต้น/ไร่
ความสำคัญของป่า คือ
(1) เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาความสมดุลของวัฏจักรน้ำ ออกซิเจน แร่ธาตุในระบบนิเวศ
(2) ช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ เพราะป่าจะดูดซับน้ำไว้และยึดเกาะหน้าดินไม่ให้ฝนชะล้างทำลาย หมุนเวียนธาตุอาหารต่างๆ ในดิน ป่าไม้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
(3) ช่วยปรับสภาพบรรยากาศให้ชุ่มชื้น เย็นสบาย
(4) เป็นแหล่งปัจจัย 4 ให้มนุษย์ อันได้แก่ อาหาร แหล่งยา แหล่งไม้ใช้สอยสร้างที่อยู่อาศัย
(5) เป็นแนวป้องกันลมพายุ
(6) เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
(7) เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
ป่าเป็นพื้นที่ที่ให้ปัจจัย 4 แก่มนุษย์และแหล่งพักผ่อนหย่อนและแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า
สาเหตุของการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาอาจกล่าวได้ว่าสูญเสียพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ป่าไม้เสื่อมโทรมลง เป็นผลงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลและราษฎร ซึ่งสรุปสาเหตุได้ว่า เกิดจาก
(1) การทำไม้ ความต้องการป่าไม้ เพื่อกิจการต่างๆ เช่น เพื่อทำอุตสาหกรรมโรงเลื่อย โรงงานกระดาษ สร้างที่อยู่อาศัยหรือการค้า ทำให้ต้นไม้ถูกลอบตัดและตัดถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งอนุญาตผูกขาดทั้งสัมปทานระยะยาว ขาดระบบการควบคุมที่ดี ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมุ่งแต่ตัวเลขปริมาตรที่จะทำออก โดยไม่ระวังดูแลพื้นที่ป่า ไม่ติดตามผลการปลูกป่าทดแทนตามเงื่อนไขสัมปทาน ว่าได้ดูแลรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโตอย่างปลอดภัยหรือไม่ จนในที่สุดได้มีพระราชกำหนด ณ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2531 ประกาศยกเลิกสัมปทานป่าไม้ (ป่าบก) ทั่วประเทศไทย เมื่อเกิดกรณีประท้วงขึ้นมาและกล่าวโทษว่า การทำไม้เป็นเหตุทำลายป่า เป็นผลให้เกิดภัยพิบัติเช่นนั้น
(2) การเพิ่มจำนวนประชากรของประเทศ ทำให้ความต้องการจากภาคเกษตรกรมากขึ้น ความจำเป็นที่ต้องการขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นพื้นที่ป่าไม้ในเขตภูเขา จึงเป็นเป้าหมายของการขยายพื้นที่เพื่อการเพาะปลูกจากการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรือเกษตรกรเหล่านี้ทำการเกษตรโดยขาดการวางแผนการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเหตุให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้น ต้องขายที่ดินแล้วอพยพเข้าป่าลึกไปเรื่อยๆ หรือการขายที่ดินผืนใหญ่ในราคาสูงขึ้นผิดปกติให้แก่นักลงทุนที่สนองนโยบายการท่องเที่ยวด้วยการสร้างรีสอร์ท สนามกอล์ฟ ยิ่งเป็นเหตุซ้ำเติมให้พื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกมากขึ้น
(3) การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก เช่น มันสำปะหลัง ปอ ฯลฯ โดยไม่ส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งๆ ที่พื้นที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการเกษตรกรรมเพาะปลูก
(4) การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่า กระทำไม่ชัดเจนหรือไม่กระทำเลยในหลายๆ ป่า ทำให้ราษฎรเกิดความสับสนทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ทำให้เกิดการพิพาทในเรื่องที่ดินทำกินและที่ดินป่าไม้อยู่ตลอดเวลา และมักเกิดการร้องเรียนต่อต้านในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งช่วงระยะนี้เองการบุกรุกพื้นที่ป่าก็ดำเนินไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้แพ้รู้ชนะป่าก็หมดสภาพไปแล้ว
(5) การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ อาทิ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ เส้นทางคมนาคม การสร้างเขื่อนขวางลำน้ำ จะทำให้พื้นที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูกตัดโค่นมาใช้ประโยชน์ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้ายออกมาไม่ทันจะถูกน้ำท่วมยืนต้นตาย เช่น การสร้างเขื่องรัชชประภา เพื่อกั้นคลองแสง อันเป็นสาขาของแม่น้ำพุมดวง-ตาปี ทำให้น้ำท่วมบริเวณป่าดงดิบ ซึ่งมีพันธุ์ไม้หนาแน่น ประกอบด้วยสัตว์นานาชนิดนับแสนไร่ต่อมาจึงเกิดปัญหาน้ำเน่าไหลลงลำน้ำพุมดวง
(6) ไฟไหม้ป่า ประเทศไทยมักเกิดไฟไหม้ป่าในฤดูร้อนเป็นประจำทุกปี เพราะในฤดูร้อนพวกวัชพืชในป่าหรือจากการผลัดใบของต้นไม้ ใบไม้จะแห้งและติดไฟง่าย การสูญเสียป่าไม้เกิดขึ้นทุกๆ ปี ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไฟป่าอาจเกิดจากการกระทำของคนหรือจากธรรมชาติ ผลเสียของไฟไหม้ป่า คือ ทำลายทรัพยากรป่าไม้
(7) การทำเหมืองแร่ แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปกคลุมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าดินก่อน จึงทำให้ป่าไม้ที่ขึ้นปกคลุมถูกทำลายลง เส้นทางขนย้ายแร่ในบางครั้งต้องทำลายป่าไม้ลงเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างถนนหนทาง การระเบิดหน้าดินเพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ธาตุ เกิดผลทำลายป่าไม้บริเวณใกล้เคียงโดยไม่รู้ตัว
(8) การทำลายของสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง สัตว์ทำลายป่าไม้โดย
(8.1) กัดกิน ใบ กิ่ง รากเหง้า หรือหน่อของพืช
(8.2) การเหยียบย่ำจะทำให้ต้นอ่อนของพืชถูกทำลาย ดินบริเวณโคนต้นไม้ถูกย่ำจนแน่น โครงสร้างของดินเสียไป ทำให้พืชเจริญเติมโตช้า ความเสียหายในประเทศไทยในข้อนี้มีไม่มากนัก จะมีอยู่บ้าง โดยเกิดขึ้นในบริเวณจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีการเลี้ยงสัตว์เป็นจำนวนมาก
(9) การทำลายของเชื้อโรคและแมลง ต้นไม้ในป่าเป็นจำนวนมากที่ถูกทำลายโดยเชื้อโรคและแมลง จะเกิดการเหี่ยวเฉาแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต บางชนิดต้องสูญพันธุ์ เช่น แมลงจำพวก "มอดป่า" นับว่าเป็นศัตรูป่าไม้ที่สำคัญในเมืองไทย (อำนาจ เจริญศิลป์, 2528) ได้ทำลายสวนป่าสักในเขตจังหวัดลำปาง แพร่ สุโขทัย และจังหวัดอื่นๆ ให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
(10) ความตระหนักและความร่วมมือของประชาชนต่อการอนุรักษ์ยังมีน้อย ส่วนใหญ่จะอ้างว่าเป็นภาระของทางราชการ การนิยมเครื่องเรือนที่ผลิตจากไม้ก็มีส่วนทำลายป่าไม้เช่นกัน
Advertisement
|