บริหารอย่างไร มาตรฐานเด็กไทย จึงจะไม่ตกต่ำ
|
|
ประชาชนชาวไทยเป็นจำนวนมาก คงจะตกใจกับข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกี่ยวกับวิกฤตการณ์การศึกษาของชาติ ชี้มาตรฐานการศึกษา ของไทยต่ำกว่า “เวียดนาม”
สำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจพบว่า ประชากรของประเทศเกือบ 20 ล้านคน ยังมีการศึกษาต่ำกว่าระดับประถมศึกษา นอกจากนี้ ผลการสอบโอเนตปี 2549 คะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ วิชาภาษาไทย ร้อยละ 50.33 มีนักเรียนสอบได้ศูนย์ ทั้งที่ภาษาไทยเป็นภาษา ประจำชาติ และวิชาสังคมศึกษา คะแนนเฉลี่ยเพียงร้อยละ 37.94 ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยใช้งบประมาณสำหรับเรื่องการศึกษามากกว่าประเทศ เวียดนามหลายเท่า และเด็กที่จบชั้นมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาไม่สามารถหางานทำได้ แสดงว่าระบบการศึกษาไทยล้มเหลว (ไทยรัฐ 11 มิถุนายน 2550 : 15)
|
|
จากข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงดังกล่าว ผู้ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย คือ ผู้กำหนด นโยบาย และวางแผนการศึกษาแห่งชาติ และผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งรับทอดอำนาจ ในการบริหาร จัดการโรงเรียนทั้งหมด ทั่วประเทศ มีส่วนให้เยาวชนของชาติไม่สามารถสร้าง ชีวิตและพลังเพียงพอ ที่จะนำประเทศชาติไปสู้กับโลกแห่ง การแข่งขันได้
ผู้เขียนได้สัมผัสกับวิถีทางในการผลิตเยาวชนของประเทศที่พัฒนาแล้ว วิเคราะห์ได้ว่า ทิศทางหรือ นโยบายของการศึกษาของเรา ผิดแผกจากนโยบายของประเทศอื่นโดยสิ้นเชิงเพราะ เขาเริ่มต้นจากสิ่งที่เขา มีอยู่ เป็นอยู่ แล้วตั้งเป้าที่ควรจะเป็นในอนาคต ลักษณะความคิด ความเข้าใจ และความต้องการของคนทั่ว ประเทศใกล้เคียงหรืออยู่ในแนวเดียวกัน
|
ขณะที่คนในประเทศไทยมีความต้องการและความมุ่งหวังที่แตกต่าง เริ่มตั้งแต่ความคิดของคนในครอบครัว ครอบครัวเป็นจำนวน มาก ไม่เน้นให้ลูกหลานเจริญรอยสืบสานธุรกิจ หรืออาชีพที่ตนมีอยู่ หรือดำเนินการอยู่ เช่น พ่อแม่ทำนา มีนาอยู่ 100 ไร่ สิ่งประเสริฐที่สุด ของลูกหลานก็คือพ่อแม่ได้สร้างงาน สร้างทุนไว้ให้แล้ว แต่ลูก ๆ ที่เกิดมาถูกเบี่ยงเบนจากคนในครอบครัว และสังคม ให้รังเกียจสิ่งที่พ่อแม่ ทำอยู่ กลับมุ่งแสวงหาโอกาสอื่น ๆ ให้กับตนเอง คือมองหาอาชีพอื่น โดยทอดทิ้งความเป็นพื้นฐานดั้งเดิมของอาชีพตน
|
ความผิดพลาดในอุดมการณ์หรือความไม่ละเอียดอ่อนในการกำหนดนโยบายเหล่านี้ ทำให้ ขาดหลักการจากการเริ่มต้น สิ่งที่ตนมีอยู่และเป็นอยู่ แต่ไขว่คว้าหาสิ่งอื่นที่อยู่ในโลกกว้างที่ยังมอง ไม่เห็น และมาไม่ถึง นี่คือสาเหตุเริ่มต้นของความล้มเหลวของชีวิตมนุษย์ การตั้งเป้าหมายของ การศึกษาที่ผิดพลาดและการว่างงานของคนภายในชาติก็ตามมา
เช่นเดียวกับการเรียนภาษาไทย รัฐบาลได้ทุ่มเงินอย่างมากมายมหาศาลกับการมุ่งเน้น การสอนภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาหลัก มีศูนย์การสอนทั่วประเทศ อย่างน้อย 178 ศูนย์ เพื่อพัฒนา การเรียนภาษาอังกฤษ ในขณะเดียวกัน ละเลยการสอนภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาของตนอย่างจริงจัง แทนที่เยาวชนไทยจะพูดภาษาไทยชัดทั้งอักษร ตัว ร ตัว ล ตัวควบกล้ำและสำนวนภาษาที่ สละสลวย คงความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอย่างสง่าภาคภูมิ กลับยอมรับภาษาที่ใช้กัน อย่างผิด ๆ และยอมให้ศัพท์แสลง หรือภาษาวัยรุ่นเป็นภาษาทางการ และเห็นความสำคัญของ การพูดภาษา อังกฤษให้ชัดเจน เพื่อการสื่อสารกับชาวต่างชาติ แต่รังเกียจที่จะพัฒนภาษาของตน ให้ดี
|
|
|
นี่คือตัวอย่างของการเริ่มต้นที่ผิดพลาด คือความไม่เห็นคุณค่าของตนเอง บุคคลใด ที่ไม่รักในสิ่งที่ตนมีอยู่แล้ว อย่าหวังเลยว่าบุคคลนั้นจะเจริญได้
การวางแผนการศึกษาของประเทศไทย เน้นหลักการและทฤษฎีมากเกินไป แต่ขาด ความเอาใจใส่ในวิธีการปฏิบัติที่ได้ผล เวลาส่วนใหญ่และเงินทุนมหาศาลจะถูกทุ่มเทไปกับ การพัฒนาหน่วยงาน นโยบายและหลักการ กฎเกณฑ์ หรือเนื้อหาสาระที่มีรายละเอียด มากมาย แต่ขาดการทดลองปฏิบัติในพื้นที่ภาคสนาม
สิ่งที่ผู้กำหนดนโยบายควรจะทุ่มเทเป็นพิเศษ คือหันมาสนใจการปฏิบัติงานของ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอนในห้องเรียน ซึ่งจะต้องเป็นการลงมือปฏิบัติเพื่อความ สัมฤทธิ์ผลของนักเรียนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม
|
เป็นการดีที่มีกฏระเบียบให้ผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งมีพื้นฐานการศึกษาให้ตรงกับการบริหารการศึกษาโดยตรง และสนับสนุน ให้ผู้บริหารได้มีวุฒิหรือดีกรีที่สูงขึ้น แต่นั่นหาได้เป็นเครื่องการันตีว่าผู้บริหารเหล่านี้ จะสามารถบริหารให้นักเรียนเป็นคนดี เก่งและมีสุข ตามอุดมการณ์แห่งการศึกษาแนวใหม่ไม่ ถ้าผู้บริหารขาดความจริงใจในการปฏิบัติ
ถ้าจะให้เยาวชนไทยมีมาตรฐานกว่าเดิม ผู้บริหารต้องสลัดทุกอย่างที่เป็นตัวตน เริ่มจาก ต้องมีอุดมการณ์ ขยัน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ เป็นนักวิชาการที่มีจริยธรรม คุณธรรมและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และบริหารงานอย่างมืออาชีพที่รู้ว่าจะทำอย่างไร (How to?) ไม่ใช่รู้ว่าจะทำอะไร (What do?) อย่างเดียว
|
นักบริหารและครูผู้สอนที่มีอุดมการณ์ เด็กจะได้อะไร เด็กและผู้ปกครองไม่ต้องเผชิญกับ ปัญหาคอรัปชั่นในวงการศึกษาทุกรูปแบบ นับตั้งแต่เงินกินเปล่าตอนเข้าเรียน ค่าสมุด หนังสือ เครื่องแบบนักเรียน และเงินเพิ่มต้องจ่ายค่าห้องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การสอน รวมทั้งการเอาเปรียบเวลาสอนของนักเรียนโดยเข้าช้าออกก่อน เป็นต้น พฤติกรรมที่เลวร้าย รุนแรงที่ประเทศอื่นเขาไม่ทำกันนี่หรือเปล่าที่ทำให้เยาวชนไทยได้รับเต็ม ๆ ถ้าจะบริหารให้ดี ก็ต้องเลิกจ้างผู้บริหาร และครูที่ขาดอุดมการณ์เหล่านี้ให้เป็นอันดับแรก..
|
|
|
|
|
ตีพิมพ์ในวารสาร วิทยาจารย์ ปีที่ 106 ฉบับที่ 10 ประจำเดือนสิงหาคม 2550
|