|
ขนมจีนสมุนไพรจากดอกอัญชัน |
|
|
ขนมจีน อาหารพื้นบ้านที่อยู่คู่คนไทยมานาน ที่ผ่านมาการทำขนมจีน ถือเป็นประเพณีและวัฒนธรรมพื้นบ้าน เมื่อมีงานบุญทุกคนก็จะร่วมตัวกันเพื่อทำขนมจีนเลี้ยงพระ และเลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน แต่ด้วยขั้นตอนการทำขนมจีนค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้เกิดโรงงานผลิตขนมจีนที่มีการใช้เครื่องจักร และแป้งวัตถุดิบสำเร็จรูปมาช่วยให้การทำขนมจีนง่ายและรวดเร็ว
|
|
ขนมจีนในเข่งส่งขายตลาดสด ตลาดนัด |
|
|
นางชวนพิศ ใจช่วงโชติ เจ้าของโรงงานผลิตขนมจีนขนาดย่อม เล่าว่า การเปิดโรงงานผลิตขนมจีนของตนเองในครั้งนี้เกิดขึ้นมาจาก เดิมที่ข้างบ้านเปิดโรงงานขายแป้งหมักสำเร็จรูปสำหรับทำขนมจีน และในช่วงแรกต้องการจะขายแป้งขนมจีนสำเร็จรูป แต่ก่อนจะขายได้จำเป็นต้องสอนให้กับคนซื้อแป้งทำขนมจีนเป็นก่อน จึงได้เปิดโรงงานแห่งนี้ เพื่อเป็นสถานที่สอน และในช่วงที่ไม่มีคนมาเรียนก็ทำขายไปด้วย
ทั้งนี้ นอกจากแป้งหมักสำเร็จรูป ทางคุณชวนพิศ ก็ยังได้มีอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตขนมจีนออกมาขายควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ลูกค้ากลับไปผลิตขนมจีนออกขายได้เลย โดยเครื่องผลิตชุดใหญ่จะขายชุดละ 50,000 บาท สามารถผลิตได้ 500 ถึง 1,000 กิโลกรัมต่อวัน ส่วนชุดเล็ก ลูกค้าจะซื้อไปบีบสดขายลูกค้าตามตลาดนัด ซึ่งชุดเล็กสามารถทำได้วันละประมาณ 200 กิโลกรัม
|
|
นางชวนพิศ ใจช่วงโชติ เจ้าของโรงงาน |
|
|
ส่วนแป้งหมักขนมจีนสำเร็จรูปนั้น เป็นสูตรแป้งหมักในแบบอีสาน ราคาจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของแป้ง โดยราคาที่ขายอยู่ในปัจจุบันมีตั้งแต่ ถุงละ350 บาท ไปจนถึง 400 บาท น้ำหนักแป้งถุงละ 20 กิโลกรัม ซึ่งแป้งหนึ่งถุงสามารถทำขนมจีนได้เส้นจำนวน 40 กิโลกรัม ราคาขายปลีกทั่วไปกิโลกรัมละ 25 บาท ถึง 30 บาท โดยแป้งหนึ่งถุงลูกค้าสามารถขายได้ 600 บาท ถึง 800 บาท
“การทำขนมจีนขายกำไรค่อนข้างดี ซึ่งลูกค้าบางรายก็มีการประหยัดต้นทุนด้วยการผสมแป้งราคาแพงกับแป้งราคาถูกเข้าด้วยกัน ในขณะที่เส้นขนมจีนก็ยังออกมาเหนียวนุ่ม ถ้าใช้วัตถุดิบที่เป็นแป้งสำเร็จรูปของเรา ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิตขนมจีนมาส่งขายตามตลาดหลายราย ถ้าทำขนมจีนคุณภาพไม่ดีมาขาย ก็ไม่สามารถจะเข้าไปแย่งชิงตลาดได้ รายใหม่ที่เข้ามาจำเป็นจะต้องผลิตขนมจีนคุณภาพดีออกมาขาย และต้องราคาไม่แพง”
|
|
แป้งสำเร็จรูป จะอร่อยเหนียวนุ่มหรือไม่อยู่ตรงนี้ |
|
|
นางชวนพิศ เล่าว่า ในส่วนโรงงานผลิตของตนเอง กำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1-2 ตัน กลุ่มลูกค้าจะมาจากตลาดนัด และตลาดสด ในย่านบางบัวทอง บางใหญ่ และใกล้เคียง นอกจากนี้ มีกลุ่มลูกค้าที่มารับที่บ้าน ซึ่งราคาจะถูกกว่าการไปส่งถึงที่ โดยลูกค้ามารับถึงที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาท ถ้าไปส่งให้ถึงที่กิโลกรัมละ 17 บาท ส่วนขายในกระจาด 1 กิโลกรัมขายพร้อมกระจาดราคาขายส่งกิโลกรัมละ 18 บาท ส่งถึงที่กิโลกรัมละ 20 บาท ลูกค้านำไปขายต่อในราคากิโลกรัมละ 25 บาทพร้อมกระจาด ส่วนราคาไม่รวมกระจาด ลูกค้านำไปขายกิโลกรัมละ 20 บาท ถึง 22 บาท
|
|
เครื่องนวดแป้ง |
|
|
สำหรับราคาขายส่งของเราเมื่อเทียบกับคุณภาพของขนมจีน ในขณะนี้ถือได้ว่าถูกที่สุด ทำให้ได้ลูกค้าประจำหลายราย โดยยอดการขายขนมจีนต่อวันอยู่ที่ประมาณเกือบ 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัม ส่วนผู้มาเรียนก็มีมาอย่างต่อเนื่องจากหลายๆ ที่ ทำให้เราขายเครื่องจักร และแป้งหมักสำเร็จรูปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการสอนจะสอนให้ฟรีโดยไม่คิดค่าเรียนและจะสอนจนกว่าลูกค้าสามารถทำขายได้ ส่วนผู้ที่สนใจต้องการสูตรการทำน้ำยาที่เป็นสูตรโบราณ หรือ แกงเขียวหวานจะคิดสูตรละ 1,000 บาท
ในส่วนของขนมจีนชีวจิต มีการทำออกมาขายบ้าง แต่ไม่มาก เพียงวันละประมาณ 70 ถึง 80 กิโลกรัม เป็นขนมจีนสูตรสมุนไพร โดยสมุนไพรที่นำมาใช้มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ใบเตย และอัญชัน ส่วนสมุนไพรชนิดอื่นนั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมจึงไม่ได้ทำออกขาย และเนื่องจากส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อขนมจีนเส้นขาว และถ้าทำขนมจีนสมุนไพร ถ้าทำพร้อมขนมจีนเส้นขาว สีก็จะไปตกใส่ขนมจีนเส้นขาว จึงต้องผลิตขนมจีนสมุนไพรช่วงหลังจากทำขนมจีนเส้นขาวเสร็จ
|
ที่ผ่านมาลูกค้าที่ซื้อขนมจีนชีวจิต หรือขนมจีนสมุนไพร จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เปิดร้านขายขนมจีน และนำไปขายวางโชว์ เพื่อเรียกลูกค้า แต่ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไปก็ไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ ส่วนรสชาติของขนมจีนสมุนไพร รสชาติเหมือนกับขนมจีนเส้นขาวทั่วๆไป ที่เพิ่มขึ้นมาก็จะเป็นกลิ่นของใบเตย แต่ก็ไม่มาก เพราะจะโดนกลิ่นแป้งหมักกลบทับไปหมด
|
|
พนักงานจับขนมจีนเป็นจับใส่กระจาด |
|
|
ส่วนราคาขนมจีนสมุนไพร จะขายราคาเดียวกันกับขนมจีนเส้นขาว เพราะต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ในช่วงที่แป้งราคาแพง เนื่องจากราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น บวกกับราคาน้ำมันที่ขยับเพิ่มหลายเท่าตัว ส่งผลให้แป้งหมักสำเร็จรูปราคาเพิ่มขึ้นถึงถุงละ 600 บาท ทำให้ราคาขนมจีนขายส่งพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละเกือบ 30 บาท ช่วงนั้นจึงหยุดทำไประยะหนึ่ง และขายอุปกรณ์ พร้อมสูตรให้กับผู้ที่สนใจไปพร้อมกับลูกค้า และเพิ่งกลับมาทำใหม่อีกครั้งได้ประมาณ 6 เดือน เพราะแป้งราคาเริ่มลดลง ในขณะที่ราคาขนมจีนก็ไม่ได้ลดลงตามมามากนัก เห็นว่าน่าจะทำกำไรได้ และราคาน้ำมันก็ไม่ได้สูงมาก จึงตัดสินใจทำขายอีกครั้ง แต่จุดประสงค์ครั้งนี้ ต้องการจะให้เป็นสถานที่เรียนให้กับผู้สนใจต้องการซื้ออุปกรณ์ และแป้งของเรา
|
|