ทฤษฎีการเลือกสีกับสีผิวมาตรฐาน มักมีข้อจำกัด ข้อห้าม ข้อหลีกเลี่ยง ขัดแย้งกับอารมณ์เบื้องลึกของสาวผิวสีต่างๆ ที่ความต้องการตรงกันข้ามกับกฎกติกาทางทฤษฎีมาตรฐาน หัวใจมันเรียกร้อง ร่ำร้อง หวนหา ท้าทาย ขาดใจตายแน่เลย หากชาตินี้ไม่ได้ลองอยู่กับสีที่บอกว่าใช้ไม่ได้      ผมนำเอานิยามสี 4 พลังอารมณ์ มาแนะนำเมื่อครั้งก่อน ก็อยากจะแนะเพิ่ม เพื่อให้เข้าใจในศาสตร์แห่งพลังสี สไตล์ตักส์ศิลาแฟชั่นโหราว่า ผมพิสูจน์แล้วว่า สาวๆทุกคนไม่มีกฎกติกา ข้อห้ามใดๆทั้งสิ้นว่า ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อใส่สีเฉพาะบางกลุ่ม บางสีเท่านั้น เชือหรือเปล่าครับ ?      ก่อนนอนวันนี้ คุณลองสร้างจินตนาการว่า พรุ่งนี้หรือตลอดสัปดาห์นี้ คุณอยากเห็นตัวเองแต่งกายอยู่ในอารมณ์สีใด เพราะอะไร สรุปให้ได้ก่อน เช่น      1. อยากดูโก้ น่าเชื่อถือ มีพลังเชื่อมั่น เลือกอารมณ์สีกลุ่ม A      2. อยากดูอ่อนโยน เป็นกันเอง ผู้คนอยากเข้าใกล้ เลือกอารมณ์สีกลุ่ม B      3. อยากดูมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์น่าสนใจ สร้างความแปลกตาแปลกใจคนรอบด้าน เลือกอารมณ์สีกลุ่ม C      4. อยากดูตื่นเต้น สะดุดตา สร้างความเร้าใจให้คนรอบด้าน เลือกอารมณ์สีกลุ่ม D     ** คงต้องกลับไปอ่านนิยาม และคำจำกัดความของอารมณ์สีแต่ละกลุ่ม จากบทความครั้งก่อนนะครับ      ประเด็นที่มีความสงสัย และค้างคาใจกัน คือ รูปร่างกับสีสัน ผิวพรรณกับสีสัน ความเหมาะสมในวาระโอกาสต่างๆ ตลอดจนกาลเทศะที่ควรคำนึงถึง ควรมีหลักการ หรือวิธีการง่ายๆ อย่างไร      ผมมีความเชื่อด้วยประสบการณ์ ที่ใช้สายตามองความเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง สไตล์การแต่งกาย รสนิยม ค่านิยมของผู้หญิง ด้วยศาสตร์แห่งศิลปะการแต่งกาย (H2bH: Dress Sense Art) ที่วัดความดูดี เหมาะสมลงตัว ด้วยการบริหารสมดุล 4 ตัวตนให้ได้ ประสบการณ์นั้นสะท้อนให้ผมเชื่อ และอยากให้สาวๆ ที่อ่านคอลัมน์ “โหราแฟชั่น” เชื่อด้วยว่า คุณเกิดมาเพื่ออยู่กับเรือนร่าง สัดส่วน หน้าตา ผิวพรรณ ที่จะมีการพัฒนาโดยธรรมชาติ ตามวันเวลาที่เปลี่ยนไป ทั้งการที่แต่ละคนเป็นผู้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง หรือเป็นไปตามกฎแห่งสายพันธุ์      ผมเคยทำวิจัยเกี่ยวกับข้อเท้าสาวๆตอนอายุน้อยกับรูปร่างอนาคต และเฝ้าดูความต่อเนื่อง กระทั่งได้ข้อสรุปที่เป็นจริงว่า      สาวที่ข้อเท้าเล็กกะทัดรัดสัมพันธ์กับเรือนร่าง อนาคตไม่อ้วนแน่นอน      สาวที่ข้อเท้าใหญ่ทั้งที่ขณะนั้นรูปร่างกะทัดรัด อนาคตรูปร่างจะใหญ่ มีส่วนเกินแน่นอน เพราะธรรมชาติเตรียมข้อเท้าไว้รองรับน้ำหนักอนาคต      ส่วนสาวที่ข้อเท้าเล็ก แต่ไม่ดูแลตัวเอง มีความผันแปรทางรูปร่างอวบอ้วน มีส่วนเกิน ทั้งขนาดและน้ำหนักเพราะตัวเองทำเอง ข้อเท้าเล็กจะรับน้ำหนักไม่ได้ ทำให้อายุมากเป็นโรคปวดข้อเท้า       มิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลข 1ของสหรัฐอเมริกา เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าคนสีผิวก็ใส่สีสดได้ แถมยังดูไบร์ท มีพลัง เธอกลายเป็นแฟชั่นไอคอนคนหนึ่งไปแล้ว เพราะนอกจากกล้าเล่นสีอาภรณ์กับสีผิวเธอเองแล้ว แต่ละชุดที่เธอเลือกใส่ก็อินเทรนด์ สร้างความแตกต่าง นั่นสะท้อนบุคลิกความกล้าท้าทายของเธอ       ประเด็นน่าสนใจ ที่ผมอยากสะท้อนและแนะนำ ซึ่งมีคำถามกันมากพอควรคือ สีผิวกับสีสันแฟชั่น ที่เกริ่นไว้ว่า มีกฎกติกา ควรไม่ควร ที่ฝืนใจสาวๆ อยากแนะง่ายๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางใจนะครับ      สาวผิวคล้ำ อาจดูไม่สะอาด (ที่จริงสะอาดหมดจด) จนสาวผิวเกือบดำ ที่ถูกตีกรอบห้ามใส่สีสดๆ หรือสีที่ดูคล้ำตุ่น เพราะทฤษฎีบอกว่า จะยิ่งทำให้ผิวคล้ำดำกระด่างมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมขอคัดค้านด้วยทฤษฎีส่วนตัวว่า ไม่จริงครับ สาวผิวสีเข้ม คล้ำ แต่งได้ทุกสี เพียงแต่ต้องมีเทคนิค และเคล็ดลับบางอย่าง      เมื่อคุณสาวผิวคล้ำเอาผ้าสีแดงมาวางทาบบนแขนหรือขา จะเห็นว่าผิวมันดำคล้ำยิ่งขึ้น เป็นเพราะอะไรหรือครับ      เพราะการรับแสงของสีแดงแสดงพลังโดดเด่นมาก ทำให้สายตาเรามองเห็นสีแดงในซีกสว่าง และสีผิวถูกผลักไปในที่ไม่สว่าง เกิดระดับสีไม่เท่ากัน ทำให้เราหรือคนอื่นมองเห็นว่าใส่สีแดงแล้วยิ่งดำยิ่งคล้ำ       ลองอีกวิธีหนึ่ง เอาสีเบจ (สีครีมอ่อนๆ สีขาวงาช้าง หรือ Off white) มาวางแทรกระหว่างสีผิวกับสีแดง สังเกตอีกครั้งจะพบว่า สีแดงและสีผิวจะแสดงพลังเท่าเทียมกัน และรู้สึกว่าสีผิวสว่าง สะอาดขึ้น เพราะสีอ่อนดังกล่าวมาเป็นตัวสมานฉันท์ให้สีแดงกับสีผิวคล้ำ มีคุณค่าเสริมกันและกัน      ในทำนองเดียวกัน สีน้ำตาล สีออกแนวตุ่นๆ หรือเอิร์ธโทน ก็เป็นสีอันตรายสำหรับสาวผิวคล้ำ ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ ทำให้สีผิวมืดกว่าเดิม ลองเอาสีสดที่ขรึม เช่น แดงม่าเหมี่ยว เขียวเปลือกแตงโม มาเป็นตัวแทรก ก็จะเห็นความแตกต่างในอารมณ์เดียวกันกับสีแดง      หมายความว่า ถ้าคุณสาวๆผิวคล้ำอยากจะลิ้มรสอารมณ์สีสด ก็ต้องมีเทคนิคสอดแทรกให้เกิดตัวเชื่อมระหว่างสีสดกับสีผิว อาจเป็นสไตล์ใส่แบบทับซ้อน (Layers) หรือตัดต่อเป็นสไตล์ที่ปลายแขน ชายกระโปรง หรือเลือกลวดลายที่มีสีตัวเชื่อมแทรกอยู่ หรือใส่เครื่องประดับที่ข้อมือเป็นตัวเชื่อม

Advertisement