อันแรก, เป็นการคิดในแบบวิภาษวิธี(dialectic) ซึ่งมีโครงสร้างแบ่งออกเป็นสามส่วนได้แก่ ข้อสรุปเดิม(thesis), การต่อต้านข้อสรุปเดิม(anti-thesis), และการสังเคราะห์ข้อสรุปเก่ากับใหม่(synthesis). ในที่นี้จะลองยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ ชาวประมงคนหนึ่งใช้วิธีการจับปลาแต่เดิมๆมาตลอด แต่ตอนนี้เขามีครอบครัวและมีคนที่ต้องเลี้ยงดูเพิ่มขึ้น การจับปลาในแบบเดิมๆจึงไม่พอกิน จะทำอย่างไรถึงจะพอกิน. ออกไปหาปลาไกลขึ้นหรือ-เรือก็เล็กเกินไป แทนที่จะจับปลาก็เป็นการปล่อยปลาแทน จับแล้วนำมาปล่อยในกระชังเลี้ยงดู ดังนั้นเขาจึงได้ปลาเพิ่มขึ้น
อันที่สอง, การคิดด้วยสมองซีกขวา. เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองส่วนบนของคนเรา ซึ่งตามปกติแล้ว สมองในส่วนซีกซ้ายจะทำหน้าที่ครอบงำสมองส่วนซีกขวาอยู่ตลอดเวลา จนกล่าวได้ว่า เรามีโอกาสใช้สมอง ซึ่งทรงประสิทธิภาพของคนเราเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะนับแต่สังคมได้มาถึงยุคแห่งการใช้เหตุผล (สมองซีกซ้าย), สมองที่เกี่ยวข้องกับจินตนาการและอารมณ์ความรู้สึก(สมองซีกขวา)เกือบจะไม่ถูกนำมาใช้เลย เพื่อคิดแบบสร้างสรรค์ หรือคิดแก้ปัญหาต่างๆ ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างการทำงานของสมองส่วนบนทั้งสองซีก(ซ้ายและขวา)ว่า มันทำงานแตกต่างกันอย่างไร? เพื่อว่าเราจะได้นำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการใช้ความคิดสร้างสรรค์
สมองซีกซ้าย
สมองซีกขวา 1. เป็นเรื่องของสหัชญาน(ไม่เกี่ยวกับเหตุผล) 2.เป็นเรื่องของการอุปมาอุปมัย, 3.เป็นการคิดแบบรูปธรรม, 4. คิดอิสระไม่เป็นเส้นตรง, เห็นภาพทั้งหมด, 5.เป็นเรื่องของการสังเคราะห์, 6.ใช้จินตนาการ, 7. คิดไม่เป็นไปตามลำดับ มีความหลากหลายดชื่อมต่อหลายมุม, 8.เป็นเรื่องของอัตวิสัย, 9.ไม่เกี่ยวกับคำพูด, เห็นเป็นภาพ
แม้ว่าจากการจำแนกจะเห็นว่า สมองส่วนบนซีกซ้ายและขวาจะมีลักษณะที่ตรงข้ามกัน แต่ความจริงแล้วมันเสริมกัน เพื่อให้ความคิดของเราสมบูรณ์มากขึ้น แทนที่จะใช้ความคิดหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้น การคิดด้วยสมองซีกขวา จึงเป็นการคิดในแบบที่มาเสริมหรือช่วยให้เราคิดได้มากขึ้น
1.เป็นเรื่องของสติปัญญาแบบเหตุผล, 2.เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลข, 3.เป็นการคิดแบบนามธรรม, 4.คิดเป็นเส้นตรง, 5.เป็นเรื่องของการวิเคราะห, 6.ไม่เกี่ยวกับ้จินตนาการ, 7.คิดแบบต่อเนื่องตามลำดับ, 8.เป็นเรื่องของวัตถุวิสัย, 9.เกี่ยวข้องกับคำพูด