|
|
• การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า โดยใช
ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับวิธีการสอนแบบ
สืบเสาะหาความรู้
ผู้วิจัย นางบุปผา ศรีนวลจันทร์
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ โรงเรียนบ้านโคกก่องดอนทองวิทยา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1
ปีที่วิจัย 2554
บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์มีความเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นคนไทยทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้มีการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะฝึกฝนให้เป็นคนที่คิดอย่างมีเหตุ มีผล มีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น และสามารถนำความรู้ต่าง ๆ ไปบูรณาการใช้ในชีวิตได้อย่างสร้างสรรค์และเปี่ยมด้วยคุณธรรม และจากการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สาระที่ 5 : พลังงาน ในเรื่องไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า พบว่านักเรียนมีระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ผู้ศึกษาค้นคว้าจึงมีความสนใจในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ โดยมีจุดมุ่งหมายคือ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่องวงจรไฟฟ้า โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่องวงจรไฟฟ้า โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ร่วมกับวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง วงจรไฟฟ้า 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนบ้าน โคกก่องดอนทองวิทยา อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง(Purposive Sampling) จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการการศึกษาค้นคว้าครั้ง ได้แก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะ
หาความรู้ เรื่องวงจรไฟฟ้า จำนวน 12 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 13 ฉบับ มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบแต่ละฉบับเท่ากับ0.88, 0.73, 0.76, 0.74, 0.74, 0.78, 0.77, 0.79, 0.77, 0.76, 0.77, 0.78 และ 0.75 ตามลำดับ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง 0.46 -0.81 และค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับมีค่าเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สูตรการหาประสิทธิภาพ และสูตรการหาค่าดัชนีประสิทธิผล ได้ผลการศึกษาดังนี้
1. แผนการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับวิธีการสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 84.61/83.17
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ร่วมกับวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ มีค่าเท่ากับ 0.7055 ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 70.55
3. ความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ โดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.09 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ช่วยสร้างความเข้าใจสาระการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจนขึ้น นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.80 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.41 ลำดับที่สองคือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นสื่อการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.73 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.46 ลำดับ ที่สามคือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นสื่อการเรียนรู้ที่ควรนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.67 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.49
จากผลการศึกษาค้นคว้าดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนสูงขึ้น เหมาะสำหรับครูผู้สอนที่จะนำไปประยุกต์ใช้สำหรับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนของนักเรียน รวมทั้งเพื่อเป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอนหรือผู้ที่สนใจนำรูปแบบการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไปประยุกต์ใช้กับเนื้อหาวิชา และระดับชั้นอื่น ๆ โดยการปรับระยะเวลาตามความเหมาะสมกับสภาพของโรงเรียนและห้องเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
|
โพสต์โดย บุปผา ศรีนวลจันทร์ : [25 ก.ค. 2555 เวลา 13:58 น.] อ่าน [1083] ไอพี : 192.168.11.126, 118.
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
|


เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|