ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทย

ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ชื่อผู้วิจัย นางแสงระวี บู่ทอง

ปีที่วิจัย 2562

บทคัดย่อ

การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยตามความคิดเห็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทย กลุ่มตัวอย่างได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง มีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยตามขั้นตอนการวิจัย ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ 1) แบบสำรวจสภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3) ขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ 1) ร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขั้นตอนที่ 3 ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 7แผน 3) แบบทดสอบวัดทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทย จำนวน 1 ชุด มี 30 ข้อ และ ขั้นตอนที่ 4 คือแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ชุด มีจำนวน 14 ข้อคำถาม สถิติที่ใช้คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

1) ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยตามความคิดเห็นของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเขาฉกรรจ์วิทยาคม โดยรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย นักเรียนมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมคือต้องการให้ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการกลุ่มและให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม ครูควรกำหนดชิ้นงานให้นักเรียนได้ปฏิบัติในชั้นเรียนมีการประเมินผลชิ้นงานร่วมกัน จากการศึกษาสภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า การจัดการเรียนรู้ภาษาไทยครูจะต้องมีการจัดเตรียมสื่อที่ใช้ใน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้พร้อมและเพียงพอกับผู้เรียน มีการใช้สื่อการเรียนการสอนที่หลากหลาย ครูต้องมีทักษะการตั้งคำถาม หรือใช้วิธีการสอนหลายรูปแบบ โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมมากที่สุด ผลการศึกษาสภาพปัญหาเพื่อนำมาเป็นประเด็นในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทยพบว่านักเรียนมีความเห็นว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในปัจจุบันให้นักเรียนได้จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้น้อย ปัญหาด้านการอ่านยังเป็นประเด็นที่มีความสำคัญที่นักเรียนคิดว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้

2) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มี 6 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์

3) ขั้นตอนคือ (1) การเตรียมความพร้อม (Preparation : P) (2) การจัดกิจกรรมฝึกทักษะการอ่านประกอบด้วยการฝึกปฏิบัติ (Practise : P) มี 4 กิจกรรม ดังนี้ (2.1) ทบทวนความรู้เดิม (Review) (2.2) สร้างความเข้าใจ (Construct) (2.3) รับข้อมูล (Input) (2.4) สรุปความรู้จากการอ่าน (Conclude) และ 3) การวัดและประเมินผล (Evaluation : E) 4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง และ 6) ระบบสนับสนุน สำหรับงานวิจัยนี้ เรียกรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยย่อว่า PPE Model

3) ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้ 3.1) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.38/80.89 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 3.2) ผลการศึกษาความสามารถทางการอ่านวรรณคดีไทยก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 20.23 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.63 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 24.27 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.20 ผลการทดสอบความสามารถทางการอ่านวรณณคดีไทยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

4) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการอ่านวรรณคดีไทย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x = 4.53 ,S.D. = 0.03)

โพสต์โดย pooping : [11 ก.พ. 2564 เวลา 07:48 น.]
อ่าน [2722] ไอพี : 118.174.64.199
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 143,274 ครั้ง
8 โรคห้ามรับราชการ
8 โรคห้ามรับราชการ

เปิดอ่าน 10,953 ครั้ง
บัวบก แก้ปวดหัวจากความดันโลหิต
บัวบก แก้ปวดหัวจากความดันโลหิต

เปิดอ่าน 92,531 ครั้ง
20 เรื่องวิทยาศาสตร์น่ารู้
20 เรื่องวิทยาศาสตร์น่ารู้

เปิดอ่าน 10,952 ครั้ง
"พระโค"เสี่ยงทายกินหญ้าน้ำท่า-อาหารบริบูรณ์
"พระโค"เสี่ยงทายกินหญ้าน้ำท่า-อาหารบริบูรณ์

เปิดอ่าน 18,089 ครั้ง
จดหมายลูกโซ่ มีความเป็นมาอย่างไร
จดหมายลูกโซ่ มีความเป็นมาอย่างไร

เปิดอ่าน 8,340 ครั้ง
17 วิธี Refresh สุขภาพแบบฮอต ฮอต
17 วิธี Refresh สุขภาพแบบฮอต ฮอต

เปิดอ่าน 30,361 ครั้ง
8 วิธีสุดฮิต พิชิตความรวยบนโลกออนไลน์
8 วิธีสุดฮิต พิชิตความรวยบนโลกออนไลน์

เปิดอ่าน 10,637 ครั้ง
รถอัจฉริยะ-ไร้คนขับ
รถอัจฉริยะ-ไร้คนขับ

เปิดอ่าน 52,498 ครั้ง
ถอดรหัส SLC แดนปลาดิบ ผ่าน 2 กูรูด้านการศึกษา เดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยสู่ “โรงเรียนชุมชนแห่งการเรียนรู้” เต็มรูปแบบ
ถอดรหัส SLC แดนปลาดิบ ผ่าน 2 กูรูด้านการศึกษา เดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยสู่ “โรงเรียนชุมชนแห่งการเรียนรู้” เต็มรูปแบบ

เปิดอ่าน 57,978 ครั้ง
เทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์ด้วยกิจกรรม Interactive
เทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์ด้วยกิจกรรม Interactive

เปิดอ่าน 11,165 ครั้ง
สำคัญที่ผู้สอน (ครู, อาจารย์)
สำคัญที่ผู้สอน (ครู, อาจารย์)

เปิดอ่าน 27,667 ครั้ง
ครูทึ่ง ! เด็กป.1 ฝีมือบรรเจิด วาดภาพสวยเกินวัย-ความจำดีเลิศ
ครูทึ่ง ! เด็กป.1 ฝีมือบรรเจิด วาดภาพสวยเกินวัย-ความจำดีเลิศ

เปิดอ่าน 2,719 ครั้ง
แนวทางดำเนินงานโครงการน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลที่ 10 สู่การปฏิบัติ
แนวทางดำเนินงานโครงการน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลที่ 10 สู่การปฏิบัติ

เปิดอ่าน 6,687 ครั้ง
เด็กไทยเรียนฟรี เมื่อไหร่?เป็นจริง
เด็กไทยเรียนฟรี เมื่อไหร่?เป็นจริง

เปิดอ่าน 10,714 ครั้ง
ความสุขกันมะเร็งได้ ผู้มีความสุขในชีวิตหนีโรคร้ายได้ 1 ใน 4
ความสุขกันมะเร็งได้ ผู้มีความสุขในชีวิตหนีโรคร้ายได้ 1 ใน 4

เปิดอ่าน 238,657 ครั้ง
คำอวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ
คำอวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ
เปิดอ่าน 25,751 ครั้ง
เลิกครู 5 ปี…แก้ทั้งระบบครบวงจร : โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
เลิกครู 5 ปี…แก้ทั้งระบบครบวงจร : โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
เปิดอ่าน 12,072 ครั้ง
ภัยร้ายหน้าร้อน-สาวๆ ไม่อยากหมดสวยต้องอ่าน 6 กลเม็ดสู้ "ผิวไหม้แดด"
ภัยร้ายหน้าร้อน-สาวๆ ไม่อยากหมดสวยต้องอ่าน 6 กลเม็ดสู้ "ผิวไหม้แดด"
เปิดอ่าน 18,631 ครั้ง
ฮอร์โมน : ชีววิทยา
ฮอร์โมน : ชีววิทยา
เปิดอ่าน 18,504 ครั้ง
ฟ้า กับ เหว
ฟ้า กับ เหว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ