ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการประเมินโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

การประเมินโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ มีวัตถุประสงค์ของการประเมินเพื่อ 1) ประเมินด้านสภาวะแวดล้อมของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ 2) ประเมินด้านปัจจัยเบื้องต้นของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ 3) ประเมินด้านกระบวนการดำเนินงานของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ 4) เพื่อประเมินด้านผลผลิตของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ (4.1) ผลผลิตด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (4.2) ผลผลิตด้านระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ให้ข้อมูลประกอบด้วย 1) ครูผู้สอน จำนวน 15 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 60 คน และผู้ปกครองนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรุปผลการประเมินดังนี้

1. ด้านสภาพแวดล้อมของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.67, S.D. = 0.340) โดยข้อที่ 1 โครงการสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.18, S.D. = 0.853) เมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.72, S.D. = 0.365) โดยข้อที่ 10 โครงการเหมาะสมกับสถานการณ์ของสังคมปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.47, S.D. = 0.915) และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเช่นกัน ( = 3.57, S.D. = 0.275) โดยข้อที่ 1 โครงการสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.29, S.D. = 0.756)

2. ด้านปัจจัยเบื้องต้นของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.79, S.D. = 0.334) โดยข้อที่ 1 บุคลากรในโรงเรียนมีจำนวนเพียงพอในการดำเนินโครงการมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.23, S.D. = 0.869) เมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.67, S.D. = 0.290) โดยข้อที่ 7 สถานที่ดำเนินโครงการเพียงพอและเหมาะสมมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.20, S.D. = 1.014) และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเช่นกัน ( = 4.06, S.D. = 0.270) โดยข้อที่ 1 บุคลากรในโรงเรียนมีจำนวนเพียงพอในการดำเนินโครงการมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.43, S.D. = 0.787)

3. ด้านกระบวนการของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.79, S.D. = 0.398) โดยข้อที่ 7 การประเมินผลระหว่างการปฏิบัติงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.18, S.D. = 0.958) เมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.75, S.D. = 0.439) โดยข้อที่ 7 การประเมินผลระหว่างการปฏิบัติงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.27, S.D. = 0.961) และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเช่นกัน ( = 3.87, S.D. = 0.304) โดยข้อที่ 8 การนิเทศ ติดตามของผู้บริหารมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.29, S.D. = 0.951)

4. ด้านผลผลิตของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ดังนี้

4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความคิดเห็น ด้านความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักถึงความสำคัญของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักถึงความสำคัญของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.15, S.D. = 0.489) โดยข้อที่ 8 ผู้เรียนเห็นคุณค่าของผู้ที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.36, S.D. = 0.790) เมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.13, S.D. = 0.514) โดยข้อที่ 4 ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.47, S.D. = 0.743) และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเช่นกัน ( = 4.19, S.D. = 0.467) โดยข้อที่ 8 ผู้เรียนเห็นคุณค่าของผู้ที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.71, S.D. = 0.488)

4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความคิดเห็น ด้านพฤติกรรมของนักเรียนตามตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านพฤติกรรมของนักเรียนตามตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.58, S.D. = 0.287) โดยข้อที่ 5 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ และข้อที่ 16 อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาไทยมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.86, S.D. = 0.351) เมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.52, S.D. = 0.316) โดยข้อที่ 5 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.93, S.D. = 0.258) และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกัน ( = 4.72, S.D. = 0.150) โดยข้อที่ 10 ดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ และมีคุณธรรมมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 5.00, S.D. = 0.000)

4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความคิดเห็น ด้านพฤติกรรมของนักเรียนตามตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของนักเรียน พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านพฤติกรรมของนักเรียนตามตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.65, S.D. = 0.310) โดยข้อที่ 6 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา ใจมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.93, S.D. = 0.252)

4.4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความคิดเห็น ด้านพฤติกรรมของนักเรียนตามตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของผู้ปกครอง พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านพฤติกรรมของนักเรียนตามตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการของโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของผู้ปกครองโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.74, S.D. = 0.204) โดยข้อที่ 11 มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.87, S.D. = 0.468)

4.5 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความคิดเห็น ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลเพื่อทำการคัดกรอง ด้านการส่งเสริมนักเรียน ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้านการส่งต่อ และด้านการดำเนินงาน ตามความคิดเห็นของนักเรียน 1) พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลเพื่อทำการคัดกรอง ตามความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.75, S.D. = 0.410) โดยข้อที่ 4 นักเรียนได้รับการตรวจสุขภาพจากครูที่ปรึกษาหรือโรงเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.83, S.D. = 0.457) 2) พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านการส่งเสริมนักเรียน ตามความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.74, S.D. = 0.225) โดยข้อที่ 7 มีการจัดกิจกรรมโฮมรูมเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนใฝ่รู้ใฝ่เรียนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.87, S.D. = 0.468) 3) พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา ตามความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.74, S.D. = 0.357) โดยข้อที่ 1 ผู้ปกครองนักเรียนได้มีส่วนร่วมในการดูแลนักเรียน ข้อที่ 5 ครูที่ปรึกษาได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับด้านโทษของสารเสพติด และข้อที่ 9 ครูที่ปรึกษามีการสื่อสารทางจดหมาย หรือโทรศัพท์ติดต่อกับผู้ปกครองเพื่อช่วยเหลือนักเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.82, S.D. = 0.504) 4) พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านการส่งต่อ ตามความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.78, S.D. = 0.384) โดยข้อที่ 1 ครูที่ปรึกษาได้ส่งต่อนักเรียนที่แก้ไขปัญหาไม่ได้ไปยังครูคนอื่น ครูแนะแนว หรือครูปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.80, S.D. = 0.514) 5) พบว่า ระดับความคิดเห็น ด้านการดำเนินงาน ตามความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.69, S.D. = 0.398) โดยข้อที่ 4 ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนทำให้นักเรียนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.82, S.D. = 0.504) 6) พบว่า ระดับความคิดเห็นของผลการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนวัดเขาวงก์ ตามความคิดเห็นของนักเรียนทั้ง 5 ด้าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.73, S.D. = 0.240) โดยด้านการส่งต่อมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.78, S.D. = 0.384)

5. แสดงผลการเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์และระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดเขาวงก์ กลุ่มตัวอย่างเป็นแบบสอบถามปลายเปิด ผู้ประเมินได้สรุปโดยเรียงลำดับความถี่ (f) จากมากไปน้อยและระบุจำนวนของความถี่ไว้ในวงเล็บดังนี้

5.1 ข้อเสนอแนะของนักเรียนต้องการให้ครูที่ปรึกษาดำเนินการ

5.1.1 ครูควรแนะนำนักเรียนได้ทุกเรื่อง และหากนักเรียนมีปัญหาไปปรึกษาควรเก็บเป็นความลับ ไม่ซ้ำเติมนักเรียน (20)

5.1.2 ไม่ควรทำให้นักเรียนเครียด เช่น พูดมากเกินไป หรืออารมณ์ไม่ดีแล้วไปดุด่านักเรียน (15)

5.1.3 ครูควรทำโทษนักเรียนเมื่อทำผิด (15)

5.1.4 ครูควรทำความคุ้นเคยกับนักเรียนให้เหมือนเพื่อน เป็นกันเองกับนักเรียนและเข้าใจนักเรียนให้มากขึ้น เพื่อนักเรียนจะได้กล้าพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองให้ครูฟังเพื่อจะได้ช่วยแก้ไข (13)

5.1.5 ควรจัดกลุ่มนักเรียนที่มีปัญหาเหมือนกันมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน (13)

5.2 ข้อเสนอแนะการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการดูแลแก้ไขปัญหาร่วมกัน

5.2.1 ผู้ปกครองควรจะมีการประสานกับครูที่ปรึกษาเพื่อช่วยกันดูแลและแก้ไขปัญหานักเรียนทั้งทางจดหมาย โทรศัพท์ หรือมาพบด้วยตนเอง (21)

5.2.2 ควรติดต่อกับครูทุกเดือนเพื่อรับทราบความเป็นไปของบุตรหลานตนเองในระหว่างอยู่โรงเรียน (15)

5.2.3 ไม่ควรปกปิดความประพฤติที่ไม่ดีของบุตรหลานตนเองและแจ้งให้ครูทราบเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา (14)

5.2.4 ควรยอมรับความผิดของบุตรหลานของตนเองที่ได้กระทำในระหว่างไปโรงเรียน (10)

5.3 ปัญหาหรืออุปสรรคเกี่ยวกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

5.3.1 ผู้ปกครองนักเรียนไม่สนใจปัญหาของนักเรียนและไม่หาแนวทางแก้ไขร่วมกับครูที่ปรึกษา (17)

5.3.2 นักเรียนในปัจจุบันนี้ไม่เชื่อฟังครู ไม่เคารพครูและไม่ให้ความร่วมมือกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ตามที่ครูหรือโรงเรียนกำหนดไว้ (12)

5.4 ข้อเสนอแนะหรือแนวทางแก้ไขในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน

5.4.1 ควรให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และประชุมบ่อย ๆ (15)

5.4.2 โรงเรียนควรจัดสถานที่พักผ่อนให้นักเรียนมากขึ้น (9)

ข้อเสนอแนะ

1. เกี่ยวกับหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ควรจัดกิจกรรมแบบบูรณาการคุณลักษณะอันพึงประสงค์ลงไปในทุกทุกลุ่มสาระการเรียนรู้ และนำกิจกรรมย่อยของโครงการไปฝึกปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนได้ซึมซับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไปโดยไม่รู้ตัว

2. รูปแบบของการจัดกิจกรรม ควรให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดรูปแบบดำเนินงาน เพื่อให้เข้ากับสภาพชุมชน สังคม สื่อ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ควรระดมทรัพยากรจากทุกฝ่าย เพื่อนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ในการดำเนินงาน

3. การส่งเสริมนักเรียน ครูควรแนะนำนักเรียนได้ทุกเรื่องและหากนักเรียนมีปัญหาไปปรึกษาควรเก็บเป็นความลับ ไม่ซ้ำเติมนักเรียน

4. ควรมีมาตรการในการรักษามาตรฐานการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และพัฒนาการดำเนินงานให้นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของสังคมและประเทศชาติต่อไป

5. ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ควรสนับสนุนให้ครูผู้ปกครองและชุมชน มีความรู้ความเข้าใจในการวิจัยหรือประเมิน เพื่อการเสริมสร้างและพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้เกิดขึ้นในครอบครัว ชุมชน และสังคม เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมและมีกระบวนการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต่อเนื่องและอยู่ในวิถีชีวิตของเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน

6. การดำเนินโครงการควรมีการประเมินพฤติกรรมนักเรียน โดยใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานเพื่อตรวจสอบผลผลิตในดำเนินการประเมินโครงการทุกปีการศึกษา และนำผลการประเมินมาเปรียบเทียบพัฒนาการในการดำเนินการโครงการต่อไป

7. ควรประเมินผลจากการจัดกิจกรรมย่อยของทุกกิจกรรม ของโครงการ เพื่อหาคุณภาพความสำเร็จของกิจกรรมให้ตรงประเด็นที่ต้องการ

8. ควรมีการศึกษา เรื่องพฤติกรรมนักเรียนจากการใช้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพื่อแก้ไขพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของนักเรียนในโรงเรียนวัดเขาวงก์

โพสต์โดย นางบุณณดา รักจันทร์ : [7 พ.ค. 2563 เวลา 06:41 น.]
อ่าน [3201] ไอพี : 118.173.22.79
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,066 ครั้ง
หลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะครูแนวใหม่หวังฉุดการศึกษาไทยให้สูงขึ้น?
หลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะครูแนวใหม่หวังฉุดการศึกษาไทยให้สูงขึ้น?

เปิดอ่าน 32,042 ครั้ง
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด

เปิดอ่าน 10,366 ครั้ง
คลิปนี้ต้องดูคนเดียว "พนักงานร้านอาหารก็มีแม่"
คลิปนี้ต้องดูคนเดียว "พนักงานร้านอาหารก็มีแม่"

เปิดอ่าน 22,931 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): วิธีการคาดโทษและไล่ออก
ฟุตซอล(Futsal): วิธีการคาดโทษและไล่ออก

เปิดอ่าน 19,888 ครั้ง
กฎของก๊าซ (THE GAS LAWS)
กฎของก๊าซ (THE GAS LAWS)

เปิดอ่าน 15,679 ครั้ง
สุขภาพปากและฟันกับโรคหัวใจ
สุขภาพปากและฟันกับโรคหัวใจ

เปิดอ่าน 11,226 ครั้ง
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม

เปิดอ่าน 1,627 ครั้ง
กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน

เปิดอ่าน 13,292 ครั้ง
แชร์ซึ้ง! "ฉันเป็นครู ตายแล้วขอเป็นครูต่อไป"
แชร์ซึ้ง! "ฉันเป็นครู ตายแล้วขอเป็นครูต่อไป"

เปิดอ่าน 42,186 ครั้ง
กฎหมายตราสามดวง
กฎหมายตราสามดวง

เปิดอ่าน 9,302 ครั้ง
ยุทธศาสตร์การกระจายอำนาจ...โรงเรียนนิติบุคคลที่มุ่งคุณภาพผู้เรียน
ยุทธศาสตร์การกระจายอำนาจ...โรงเรียนนิติบุคคลที่มุ่งคุณภาพผู้เรียน

เปิดอ่าน 9,669 ครั้ง
อะแคนทะมีบา ภัย คอนแทคเลนส์
อะแคนทะมีบา ภัย คอนแทคเลนส์

เปิดอ่าน 12,732 ครั้ง
5 ปัญหาการเงิน เลี่ยงซะก่อนชีวิตคู่จะพัง
5 ปัญหาการเงิน เลี่ยงซะก่อนชีวิตคู่จะพัง

เปิดอ่าน 9,901 ครั้ง
ไข่ดิบมีประโยชน์จริงหรือ
ไข่ดิบมีประโยชน์จริงหรือ

เปิดอ่าน 16,303 ครั้ง
รู้หรือไม่ สิทธิบัตรการออกแบบชิ้นแรก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา คือ...
รู้หรือไม่ สิทธิบัตรการออกแบบชิ้นแรก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา คือ...

เปิดอ่าน 13,502 ครั้ง
ไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
ไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
เปิดอ่าน 22,848 ครั้ง
วิธีเก็บไข่ให้ได้นานๆ
วิธีเก็บไข่ให้ได้นานๆ
เปิดอ่าน 18,763 ครั้ง
ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออกในมนุษย์
ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออกในมนุษย์
เปิดอ่าน 31,893 ครั้ง
การเบิกค่าพาหนะในการเดินทางไปราชการ
การเบิกค่าพาหนะในการเดินทางไปราชการ
เปิดอ่าน 10,127 ครั้ง
การจัดการเรียนการสอนในยุคโลกดิจิตอล
การจัดการเรียนการสอนในยุคโลกดิจิตอล

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ