ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model)

หัวข้องานวิจัย รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครู

โรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model)

ผู้วิจัย นางสุกัญญา ชะบาราษีบุษย์

หน่วยงานที่รับผิดชอบ โรงเรียนราษีไศล

การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและสภาพความต้องการรูปแบบ

การนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล 4) เพื่อประเมินผลกระทบการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) กลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 98 คน ประกอบด้วย

รองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 3 คน ครูผู้สอนโรงเรียนราษีไศล จำนวน 95 คน 2) กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ครูผู้สอนที่เป็นกลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 95 คน 3) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 100 คน ประกอบด้วย ศึกษานิเทศก์พี่เลี้ยง ที่ร่วมกำกับ ติดตาม ให้คำปรึกษาและนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล จำนวน 2 คน และกลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 98 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบประเมิน แบบสังเกต แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบบันทึกประเด็นสนทนากลุ่มและแบบบันทึกผลสัมฤทธิ์ทาง

การเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)

การทดสอบค่าที (t-test) และการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและสภาพความต้องการรูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล พบว่า กฎหมาย นโยบาย และแนวคิดทฤษฎีทางการศึกษา ในระดับต่างๆ ล้วนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 54 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 52 ข้อเสนอแนะในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2

พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาพุทธศักราช 2546 มาตรา 49 ได้กำหนดสาระและสมรรถนะในเรื่องต่างๆ ไว้ 9 เรื่อง เช่น การพัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ จิตวิทยาสำหรับครู

การบริหารจัดการในชั้นเรียน และการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาทั้งตัวครูและผู้เรียน เป็นต้น ส่วนการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและสภาพ ความต้องการเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล พบว่า ปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนคือ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานยังต่ำ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ครู ยังขาดความรู้

ความเข้าใจและไม่ได้รับการพัฒนาในด้านสมรรถนะการจัดการเรียนรู้อย่างจริงจัง จากข้อมูลพื้นฐานและสภาพความต้องการดังกล่าวจึงนำมาสู่การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัด การเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล

2. การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาวิเคราะห์ 2) การออกแบบและการพัฒนา

3) การทดลองใช้รูปแบบ และ 4) การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบ ผลการออกแบบและพัฒนาได้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ซึ่งมีองค์ประกอบหลัก 9 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 R : Review Needs ศึกษาสภาพปัญหาและ

ความต้องการ ขั้นที่ 2 A : Analysis of Curriculum วิเคราะห์หลักสูตร ขั้นที่ 3 S : Study O-NET Examination วิเคราะห์ข้อสอบ O-NET ขั้นที่ 4 I : Individual Growth วิธีจัดการเรียนรู้ ขั้นที่ 5 S : Study Lesson Plan การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ ขั้นที่ 6 A : Action Learning การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 7 L : Level of Quality การวัดและประเมินผล ขั้นที่ 8 A : Assess Professional สรุป อภิปรายผล ขั้นที่ 9 I : Impact Information การย้อนกลับข้อมูล

3. ผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล พบว่า

3.1 ผลการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อ 1 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ( x ̅ = 35.37, S.D. = 1.47 ) สูงกว่า ก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ( x ̅ = 23.83 , S.D. = 1.26)

3.2 ผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ โดยรวมมีค่าอยู่ในระดับ สูงมาก ( x ̅ = 4.78, S.D. = 0.44) ยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อ 2

3.3 ผลการสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยรวมมีค่าอยู่ในระดับ สูงมาก (x ̅ = 4.67,S.D. = 0.48) ยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 2

4. การประเมินผลกระทบการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ

การจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล พบว่า

4.1 ความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัด

การเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) โดยภาพรวม อยู่ในระดับสูงมาก

(x ̅ = 4.76,S.D. = 0.42 ) ยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อ 3

4.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยเปรียบเทียบระหว่างผลสัมฤทธิ์ปีการศึกษา

ที่วิจัยกับผลสัมฤทธิ์ในปีการศึกษาที่ผ่านมา

4.2.1 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า ปีการศึกษา 2560 จำนวน 3 กลุ่มสาระ

การเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่า ปีการศึกษา2560 จำนวน 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้

4.2.2 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2561 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า ปีการศึกษา2560 จำนวน 4 กลุ่มสาระ

การเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่า ปีการศึกษา2560 จำนวน 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้

4.2.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ที่ระดับ .05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ในปีการศึกษา 2561 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน มีค่าเฉลี่ย ( x ̅ = 3.15, S.D. = 0.89 ) สูงกว่า ก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ในปีการศึกษา 2560

( x ̅ = 3.12, S.D. = 0.96) ยอมรับสมมติฐานการวิจัย ข้อที่ 4

4.2.4 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

ทางสถิติ โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ในปีการศึกษา 2561 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน

มีค่าเฉลี่ย ( x ̅ = 3.24, S.D. = 0.94 ) สูงกว่า ก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ในปีการศึกษา 2560

( x ̅ = 3.15, S.D. = 0.90) ยอมรับสมมติฐานการวิจัย ข้อที่ 4

4.3 ผลจากการสนทนากลุ่มร่วมกัน โดยผู้วิจัย ผู้เชี่ยวชาญ ศึกษานิเทศก์พี่เลี้ยง คณะกรรมการนิเทศภายใน ผู้บริหารและครูกลุ่มเป้าหมาย สรุปว่า รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนราษีไศล (RASISALAI Model) ทุกองค์ประกอบมี ความเหมาะสม และสอดคล้องซึ่งกันและกัน เป็นกระบวนการที่มีประโยชน์มาก มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันของแต่ละขั้นตอน ทำให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านการพัฒนางานและองค์ความรู้ โดยครูต้องมีความมุ่งมั่นจริงใจในการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยความเต็มใจร่วมมือกัน มีความรับผิดชอบใน การทำงานและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผู้บริหารตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรครู

ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ สื่อ อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกและสร้างขวัญกำลังใจให้กับครู เพื่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้อย่างเต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล

โพสต์โดย มด : [25 ก.พ. 2563 เวลา 09:25 น.]
อ่าน [3344] ไอพี : 101.51.71.226
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 44,607 ครั้ง
วิธีแก้ the dependency service or group failed to start ใน Win7
วิธีแก้ the dependency service or group failed to start ใน Win7

เปิดอ่าน 17,525 ครั้ง
5 กิจวัตรที่คนประสบความสำเร็จมักทำก่อน 8 โมงเช้า
5 กิจวัตรที่คนประสบความสำเร็จมักทำก่อน 8 โมงเช้า

เปิดอ่าน 90,125 ครั้ง
ตัวอย่างการแต่งกายของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ
ตัวอย่างการแต่งกายของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ

เปิดอ่าน 13,849 ครั้ง
พระจันทร์ยิ้มเมื่อคืนวันที่ 1 ธ.ค.51
พระจันทร์ยิ้มเมื่อคืนวันที่ 1 ธ.ค.51

เปิดอ่าน 82,352 ครั้ง
เมื่อภาษาไทยไม่มีสระไม่เว้นวรรค ดูซิว่าอ่านยากขนาดไหน?
เมื่อภาษาไทยไม่มีสระไม่เว้นวรรค ดูซิว่าอ่านยากขนาดไหน?

เปิดอ่าน 21,688 ครั้ง
เกมส์มาริโอทดสอบความจำ
เกมส์มาริโอทดสอบความจำ

เปิดอ่าน 11,930 ครั้ง
เห็ดหลินจือแดง
เห็ดหลินจือแดง

เปิดอ่าน 3,591 ครั้ง
วิธีคลายร้อนให้บ้านปูน
วิธีคลายร้อนให้บ้านปูน

เปิดอ่าน 2,016 ครั้ง
กรมอนามัย เตือน นมข้นหวานห้ามใช้เลี้ยงทารก ให้กินนมแม่อย่างเดียวต่อเนื่อง 6 เดือน ดีที่สุด
กรมอนามัย เตือน นมข้นหวานห้ามใช้เลี้ยงทารก ให้กินนมแม่อย่างเดียวต่อเนื่อง 6 เดือน ดีที่สุด

เปิดอ่าน 8,036 ครั้ง
ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)
ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)

เปิดอ่าน 29,591 ครั้ง
"พระเจ้าเหา" คือใคร ?
"พระเจ้าเหา" คือใคร ?

เปิดอ่าน 11,754 ครั้ง
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"

เปิดอ่าน 12,278 ครั้ง
กินแบบไทย ไล่มะเร็ง
กินแบบไทย ไล่มะเร็ง

เปิดอ่าน 14,893 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 46 ถึงนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จดหมายฉบับที่ 46 ถึงนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 9,173 ครั้ง
ตะลึง!!! 90% ของอีเมล์เป็น "สแปม"
ตะลึง!!! 90% ของอีเมล์เป็น "สแปม"

เปิดอ่าน 21,567 ครั้ง
"ผักกูด" ผักที่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนและธาตุเหล็ก
"ผักกูด" ผักที่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนและธาตุเหล็ก
เปิดอ่าน 20,513 ครั้ง
รู้ไว้เพื่อระวัง กรุ๊ปเลือดบอกความสุ่มเสี่ยงของโรคได้นะ
รู้ไว้เพื่อระวัง กรุ๊ปเลือดบอกความสุ่มเสี่ยงของโรคได้นะ
เปิดอ่าน 10,052 ครั้ง
"เผยแผ่" กับ "เผยแพร่"
"เผยแผ่" กับ "เผยแพร่"
เปิดอ่าน 9,289 ครั้ง
เมื่อต้องลงโทษลูก
เมื่อต้องลงโทษลูก
เปิดอ่าน 13,206 ครั้ง
แชร์กระจาย ฝีมือการแต่งนิทานของเด็ก 7 ขวบ ครีเอทได้น่ารักมาก
แชร์กระจาย ฝีมือการแต่งนิทานของเด็ก 7 ขวบ ครีเอทได้น่ารักมาก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ