ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการการนิเทศโดยการจัดทำวิจัยในชั้นเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 ยุวบูรณ์บำรุง

การประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ : กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อประเมินผลโครงการโรงเรียนวิถีพุทธโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง ทั้ง ๘ ด้าน ดังนี้ ด้านบริบท ด้านปัจจัย ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต ด้านผลกระทบ ด้านประสิทธิผล ด้านความยั่งยืน ด้านการถ่ายโยงความรู้ และ

๒) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย พระสงฆ์ ๓ รูป ผู้บริหาร ๒ คน ครูโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง ๒๕ คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ จำนวน ๑๙๙ คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ จำนวน ๑๘๒ คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน ๑๓๕ คน บุคคลในชุมชน ๒๐ คน รวมประชากรจำนวน ๕๖๖ คน ใช้รูปแบบการประเมินโครงการของสตัฟเฟิลบีม (Daniel L. Stufflebeam) ที่มีชื่อว่า CIPP Model ต่อมาได้มีการขยายแนวคิดโดยการขยายผลผลิต (Product ) ออกเป็น IEST จึงเป็น CIPPIEST Model เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วยแบบประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ : กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย จำนวน ๓ ฉบับ มีลักษณะแบบมาตรประมาณค่า (Rating scale) ๕ ระดับ สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (Mean ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD.) วิเคราะห์เนื้อหาและนำเสนอแบบพรรณนาความ

สรุปผลการประเมิน

๑.ผลการประเมินการดำเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ โรงเรียนเทศบาล ๓

ยุวบูรณ์บำรุง มี 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ ๑ ประเมินผลก่อนการดำเนินโครงการ

๑.๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมิน พบว่า เป็นเพศหญิงมีจำนวนมากที่สุด อายุของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่ระหว่าง ๔๑ – ๕๐ ปี และลำดับสุดท้าย อายุระหว่าง ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือระดับมัธยมศึกษา รองลงมาคือ ระดับประถมศึกษา ลำดับสุดท้ายคือ ระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ในจำนวนนี้ พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ผู้ปกครองนักเรียน รองลงมาคือครูผู้สอน ลำดับสุดท้าย คือ พระสงฆ์และผู้บริหาร

๑.๒ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านบริบท พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ โครงการมีความสอดคล้องกับสภาพความต้องการ/ความสนใจของนักเรียน ผู้ปกครอง/ชุมชน และโครงการเหมาะสมกับเวลาและสถานการณ์ของสังคมในปัจจุบัน รองลงมาคือความสอดคล้องของโครงการกับนโยบายคุณธรรมนำความรู้ของรัฐบาล และโครงการเหมาะสมสอดคล้องกับแนวปฏิบัติและหลักธรรมพุทธศาสนา และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือโครงการมีความเหมาะสมกับบทบาทและหน้าที่ของโรงเรียน

๑.๓ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านปัจจัยนำเข้า พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ผู้บริหารและครูมีพรหมวิหารประจำใจ มีความเป็นกัลยาณมิตรมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความเจริญงอกงามตามหลักไตรสิกขา,ครูรู้เข้าใจหลักการพัฒนาผู้เรียนตามหลักไตรสิกขา,มีการนิเทศ กำกับ ติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง,สภาพโรงเรียนสะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย สงบ ร่มรื่น ใกล้ชิดธรรมชาติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ผู้บริหารมีความซื่อสัตย์ จริงใจในการทำงาน,มีการร่วมมือกับผู้ปกครอง วัด และชุมชน เพื่อพัฒนาผู้เรียนและชุมชน,บริเวณโรงเรียนปราศจากสิ่งเสพติด อบายมุข สิ่งมอมเมาทุกชนิดและอยู่ในระดับ น้อยที่สุด คือครูสามารถจัดกิจกรรมได้สอดคล้องเหมาะสมหลักศาสนา,มีระบบตรวจสอบประเมินผลและเปิดโอกาสให้มีการเสนอแนะอย่างเป็นกัลยาณมิตรอย่างต่อเนื่อง

ระยะที่ ๒ การประเมินผลระหว่างการดำเนินโครงการ

๒.๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมิน พบว่า ผู้ตอบแบบประเมิน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีจำนวนมากที่สุด อายุของผู้ตอบแบบประเมิน ที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่ระหว่าง ๑๐ – ๒๐ ปี และน้อยที่สุดมีอายุระหว่าง ๒๑ – ๓๐ ปี ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ระดับประถมศึกษา รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษา น้อยที่สุดคือ สูงกว่าปริญญาตรี ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามครั้งนี้มีจำนวนมากที่สุด คือ นักเรียน รองลงมาคือผู้ปกครองนักเรียน และน้อยที่สุด คือพระสงฆ์และผู้บริหาร

๒.๒ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านกระบวนการดำเนินงาน พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ การจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการพุทธธรรมหลักไตรสิกขาในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและเชื่อมโยงกับการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร อ่อนน้อมถ่อมตน เคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยิ้มแย้ม มีเมตตาต่อกัน ทั้งครูต่อนักเรียน ครูต่อครู นักเรียนต่อนักเรียน นักเรียนต่อผู้ปกครอง และครูต่อผู้ปกครอง/ชุมชน,ส่งเสริมบุคลากรและนักเรียนให้ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้อื่น รองลงมาคือ จัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการใฝ่รู้และแสวงหาความรู้ และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยหลักธรรม เช่น อริยสัจ ๔ นำนักเรียนไปเรียนรู้ที่แหล่งเรียนรู้ เช่น วัด หรือศาสนสถานเป็นประจำและต่อเนื่อง ส่งเสริมบรรยากาศ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่สร้างสรรค์โดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้,ส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมและเห็นคุณค่าในการรักษาและสืบต่อพุทธศาสนา และน้อยที่สุดคือจัดการเรียนรู้อย่างมีความสุข ทั้งผู้เรียนและผู้จัดการเรียนรู้,ฝึกฝนอบรมให้เกิดการ กิน อยู่ ดู ฟัง เป็น (รู้เข้าใจเหตุผล และได้ประโยชน์ตามคุณค่าแท้ตามหลักไตรสิกขา)

ระยะที่ ๓ การประเมินผลเมื่อสิ้นสุดโครงการ

๓.๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมิน พบว่า ผู้ตอบแบบประเมิน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีจำนวนมากที่สุด อายุของผู้ตอบแบบประเมิน ที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่ระหว่าง ๑๐ – ๒๐ ปี และน้อยที่สุดมีอายุระหว่าง ๒๑ – ๓๐ ปี ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ระดับประถมศึกษา รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษา น้อยที่สุดคือ สูงกว่าปริญญาตรี ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามครั้งนี้มีจำนวนมากที่สุด คือ นักเรียน รองลงมาคือผู้ปกครองนักเรียน และน้อยที่สุด คือพระสงฆ์และผู้บริหาร

๓.๒ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านผลผลิต โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ นักเรียนปฏิบัติตนต่อพ่อแม่ ครู ญาติผู้ใหญ่ด้วยความเคารพ มีความกตัญญูรู้คุณ ตอบแทนคุณ (กตัญญูกตเวที) รองลงมาคือ นักเรียนตระหนักในบาป–บุญ คุณ–โทษ เข้าใจถึง ผลดีและผลเสียจากการปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตามหลักธรรม และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนแต่งกายสะอาด เรียบร้อย ถูกต้องตามกาลเทศะ,นักเรียนมีสุขภาพจิตที่ดี แจ่มใส ร่าเริง เบิกบาน

๓.๓ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านผลกระทบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ โรงเรียน วัด และชุมชนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากขึ้น รองลงมาคือ วัดมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษา และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ มีการร่วมมือจัดกิจกรรมระหว่างวัด ชุมชนและโรงเรียนมากขึ้น

๓.๔ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านประสิทธิผล ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีการพัฒนาตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนๆและคนในครอบครัว ระดับมากที่สุด รองลงมาคือ นักเรียนยึดหลักอิทธิบาท ๔ ในการปฏิบัติงานให้สำเร็จอย่างมีคุณภาพและอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีพัฒนาการทางสติปัญญาและการคิดวิเคราะห์มากขึ้น

๓.๕ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านความยั่งยืน ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าโครงการส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมและเห็นคุณค่าในการรักษาและสืบต่อพระพุทธศาสนา อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ นักเรียนมีทักษะในการคิดอย่างมีเหตุผลด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เข้าใจและรู้คุณค่าแท้ของสรรพสิ่ง (โยนิโสมนสิการ) และอยู่ในระดับน้อยที่สุดคือ นักเรียนมีพฤติกรรมมุ่งเป็นผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภค

๓.๖ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านการถ่ายโยงความรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ นักเรียนปฏิบัติตนเป็นพุทธมามากะที่ดีและปฏิบัติตนตามศาสนพิธีได้ถูกต้อง รองลงมาคือ นักเรียนปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกัน ได้อย่างมีความสุขตามหลักสังคหวัตถุ ๔ (ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา ) และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีความรู้ เข้าใจหลักธรรมและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เหมาะสม

๒. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง

ผลการศึกษาโครงการโรงเรียนวิถีพุทธด้านความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์มากขึ้น รองลงมาคือ กิจกรรมสอดคล้องตรงตามความต้องการของชุมชน (บริบท),การส่งเสริมให้นักเรียนปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี (การถ่ายโยงความรู้) และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ มีการติดตามดูแลนักเรียนอย่างต่อเนื่อง (กระบวนการ)

โพสต์โดย เอ๋ : [22 ม.ค. 2563 เวลา 17:35 น.]
อ่าน [2814] ไอพี : 58.8.47.24
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,040 ครั้ง
10 ไม้ประดับบนโต๊ะทำงาน
10 ไม้ประดับบนโต๊ะทำงาน

เปิดอ่าน 12,504 ครั้ง
8 วิธีคลายเครียดทันใจ
8 วิธีคลายเครียดทันใจ

เปิดอ่าน 20,618 ครั้ง
การศึกษาในอนาคต
การศึกษาในอนาคต

เปิดอ่าน 14,665 ครั้ง
ประโยชน์ของ "กล้วยหอมทอง" ที่มีต่อสุขภาพ
ประโยชน์ของ "กล้วยหอมทอง" ที่มีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 7,776 ครั้ง
สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของสัตว์
สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของสัตว์

เปิดอ่าน 25,674 ครั้ง
"ข้าว" ในสมัยพุทธกาล
"ข้าว" ในสมัยพุทธกาล

เปิดอ่าน 14,232 ครั้ง
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 13,534 ครั้ง
เผยอีโคไลตัวใหม่ ทนยาปฏิชีวนะ ถึงตายได้
เผยอีโคไลตัวใหม่ ทนยาปฏิชีวนะ ถึงตายได้

เปิดอ่าน 23,023 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาไทย ในศตวรรษที่ 21 ไปทางไหน
ปฏิรูปการศึกษาไทย ในศตวรรษที่ 21 ไปทางไหน

เปิดอ่าน 15,616 ครั้ง
วลีเด็ดแห่งปี 2555
วลีเด็ดแห่งปี 2555

เปิดอ่าน 108,013 ครั้ง
แบบจำลองการคำนวนการเลื่อนขั้นเงินเดือน
แบบจำลองการคำนวนการเลื่อนขั้นเงินเดือน

เปิดอ่าน 13,627 ครั้ง
ปรัชญาการศึกษา คือแก่นของหลักสูตร
ปรัชญาการศึกษา คือแก่นของหลักสูตร

เปิดอ่าน 43,401 ครั้ง
คำพังเพย
คำพังเพย

เปิดอ่าน 8,601 ครั้ง
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน

เปิดอ่าน 25,383 ครั้ง
ไม้ดอกไม้ประดับ (สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30)
ไม้ดอกไม้ประดับ (สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30)

เปิดอ่าน 13,440 ครั้ง
การทำบุญสะเดาะเคราะห์
การทำบุญสะเดาะเคราะห์
เปิดอ่าน 49,947 ครั้ง
GPS คืออะไร
GPS คืออะไร
เปิดอ่าน 58,249 ครั้ง
ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เปิดอ่าน 18,132 ครั้ง
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562
เปิดอ่าน 10,226 ครั้ง
วิธีดูแลผิวพรรณในหน้าฝนให้ผิวสวยใสเสมอ
วิธีดูแลผิวพรรณในหน้าฝนให้ผิวสวยใสเสมอ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ