ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั

เรื่อง การพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ

ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ชื่อผู้วิจัย นายสมภพ โคตพันธ์

ปีที่วิจัย ปีกานศึกษา 2558 - 2559

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขั้นตอนที่ 3 การทดลองพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขั้นตอนที่ 4 การปรับปรุงและแก้ไขการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างของการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 36 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 5 ชนิด คือ 1) แบบสอบถาม 2) แบบฝึกทักษะกีฬาฟุตบอล 13 ชุด 3) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 13 แผน 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยาก 0 .60 - 0.67 ค่าอำนาจจำแนก 0.40 - 0.60 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 20 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.82 วิเคราะห์สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และสถิติทดสอบ t-test แบบ dependent samples

สรุปในเชิงพรรณนาวิเคราะห์

สรุปผลการวิจัย ได้ดังนี้

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพการการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สำหรับผู้บริหารได้มีการส่งเสริมการจัดแหล่งวิทยาการต่าง ๆในโรงเรียนให้สอดคล้องกับสภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอน วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมปฏิบัติอยู่ในระดับดีมาก ปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เป็นปัญหาของครู โดยภาพรวม มีปัญหาระดับมาก ได้แก่ ครูขาดนวัตกรรมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ ครูขาดการพัฒนาเทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใหม่ๆ ปัญหาที่เกิดจากนักเรียน โดยภาพรวมมีปัญหาในระดับมาก ได้แก่ นักเรียนมีทักษะพื้นฐานในการเล่นฟุตบอลต่ำ และความต้องการของครูผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือครูต้องการพัฒนานวัตกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทันสมัย ต้องการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ในหัวข้อใหม่ๆ อย่างหลากหลาย โดยเน้นให้สามารถนำไปใช้ได้จริง และต้องการสื่อ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เหมาะสมและเพียงพอ ปัญหาในการเรียนวิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) ของนักเรียน ได้แก่ ครูผู้สอนขาดการพัฒนาเทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใหม่ๆ นักเรียนได้เสนอความต้องการที่จะเรียนวิชาวิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) อย่างมีความสุข โดยให้ครูจัดหานวัตกรรมที่หลากหลายและวัสดุอุปกรณ์เพียงพอ

2. ประสิทธิภาพของการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบชุดฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 88.90/85.27 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้คือ 80 / 80

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่พัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบชุดฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่าหลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนที่พัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประกอบชุดฝึกทักษะ วิชาพลศึกษา (ฟุตบอล) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย อ๋า : [30 ม.ค. 2562 เวลา 07:09 น.]
อ่าน [4858] ไอพี : 1.1.229.54
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 40,400 ครั้ง
ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?
ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?

เปิดอ่าน 107,271 ครั้ง
กรรม คือ อะไร?
กรรม คือ อะไร?

เปิดอ่าน 12,464 ครั้ง
วาซาบิ
วาซาบิ

เปิดอ่าน 102,327 ครั้ง
วิธีปฐมพยาบาลข้อต่อเคล็ดหรือแพลง
วิธีปฐมพยาบาลข้อต่อเคล็ดหรือแพลง

เปิดอ่าน 13,506 ครั้ง
ชาวเน็ตกดไลค์ คลิปน้องเจนพากย์เสียงเป๊ะเว่อร์มากๆ
ชาวเน็ตกดไลค์ คลิปน้องเจนพากย์เสียงเป๊ะเว่อร์มากๆ

เปิดอ่าน 9,415 ครั้ง
เคล็ดลับดูแลผมในหน้าร้อน
เคล็ดลับดูแลผมในหน้าร้อน

เปิดอ่าน 29,767 ครั้ง
12 เรื่องน่ารู้ การถ่ายภาพ ด้วยกล้องดิจิตอล
12 เรื่องน่ารู้ การถ่ายภาพ ด้วยกล้องดิจิตอล

เปิดอ่าน 13,645 ครั้ง
ปลูกฝังทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
ปลูกฝังทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต

เปิดอ่าน 8,393 ครั้ง
เลือกนอน ให้ถูกท่าทาง
เลือกนอน ให้ถูกท่าทาง

เปิดอ่าน 8,664 ครั้ง
วิธีทำให้ "แก้วมังกร" ลูกดก
วิธีทำให้ "แก้วมังกร" ลูกดก

เปิดอ่าน 43,892 ครั้ง
ADDIE Model timeline
ADDIE Model timeline

เปิดอ่าน 16,606 ครั้ง
คลิปข่าว สพฐ. พัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อนดํารงตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา 2564
คลิปข่าว สพฐ. พัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อนดํารงตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา 2564

เปิดอ่าน 8,967 ครั้ง
ฝึกหายใจให้หายง่วง
ฝึกหายใจให้หายง่วง

เปิดอ่าน 6,604 ครั้ง
เช็คด่วน! 13 แอปฯ อันตราย "ดูดเงิน-สอดแนม" มีอะไรบ้าง ลบทิ้งทันที
เช็คด่วน! 13 แอปฯ อันตราย "ดูดเงิน-สอดแนม" มีอะไรบ้าง ลบทิ้งทันที

เปิดอ่าน 85,025 ครั้ง
วิธีทำ  น้ำพริกอ่อง เมนูสุขภาพ
วิธีทำ น้ำพริกอ่อง เมนูสุขภาพ

เปิดอ่าน 9,580 ครั้ง
กำยาน
กำยาน
เปิดอ่าน 34,447 ครั้ง
เถียงนาน้อย
เถียงนาน้อย
เปิดอ่าน 24,715 ครั้ง
เหตุผลที่ต้องซื้อ "กล้องดิจิตอล"
เหตุผลที่ต้องซื้อ "กล้องดิจิตอล"
เปิดอ่าน 8,215 ครั้ง
"กูเกิ้ล"ผุดนวัตกรรม แว่นเสมือนจริง-รถอัตโนมัติ!
"กูเกิ้ล"ผุดนวัตกรรม แว่นเสมือนจริง-รถอัตโนมัติ!
เปิดอ่าน 25,758 ครั้ง
นานาสาระ เกี่ยวกับความเชื่อ แก้เคล็ด ถือเคล็ด
นานาสาระ เกี่ยวกับความเชื่อ แก้เคล็ด ถือเคล็ด

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ