บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินผลการดำเนินงานโครงการพัฒนากิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนโป่งน้ำร้อนวิทยาคม ตามความคิดเห็นของครูใน 5 ด้าน คือ ด้านบริบท (Context) ด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input) ด้านกระบวนการ (Process) ด้านผลผลิต (Product) และด้านผลกระทบ (Impact) 2) เพื่อศึกษานิสัยรักการอ่านของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งผู้วิจัยได้กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) แล้วจึงใช้วิธีสุ่มอย่างง่ายคือ ครูผู้สอน 32 คน และนักเรียนจำนวน 242 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม 2 ฉบับ ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นของครูที่มีต่อโครงการพัฒนากิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านใน 5 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยเบื้องต้น ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ มีค่าความเชื่อมั่นฉบับของครูเท่ากับ .92 และแบบสอบถามเกี่ยวกับนิสัยรักการอ่านของนักเรียนมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) มีค่าความเชื่อมั่นฉบับของนักเรียนเท่ากับ .84 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ยและค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ประเมินผลการดำเนินงานโครงการพัฒนากิจกรรมส่งเสริมการอ่านของนักเรียนโรงเรียนโป่งน้ำร้อนวิทยาคม ตามความคิดเห็นของครู ใน 5 ด้าน คือ ด้านบริบทมีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (X̅ = 4.37 , S.D. = .83) ด้านปัจจัยเบื้องต้นมีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (X̅ = 4.49 , S.D. = .62) ด้านกระบวนการมีการปฏิบัติงานโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (X̅ = 4.42 , S.D. = .65) ด้านผลผลิตมีความพึงพอใจโดยรวม อยู่ในระดับเหมาะสมมาก (X̅ = 4.41 , S.D. = .64) ด้านผลกระทบครูมีความคิดเห็นว่าผลกระทบโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (X̅ =4.43 , S.D. = .63)
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนโป่งน้ำร้อนวิทยาคม ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅ = 4.38, S.D. = .62) เมื่อพิจารณาคำถามเป็นรายข้อพบว่า ข้าพเจ้าใช้เวลาในช่วงเย็นอ่านหนังสือเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด (X̅ = 4.61 , S.D. = .67) และคำถามที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ เมื่อข้าพเจ้าเดินทางไปต่างจังหวัดจะนำหนังสือเรียนติดตัวไปอ่านด้วย (X̅ = 4.16 และ S.D. = 0.82)