ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองของ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี

ผู้วิจัย นางสุจิตรา ไชยธงรัตน์.

สถานศึกษา โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี

เทศบาลนครอุดรธานี

ปีที่ศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 4 โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและสภาพปัญหาในการจัดกิจกรรมแนะแนวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเอง แหล่งข้อมูลที่ใช้ มีรายละเอียดดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 แหล่งข้อมูลที่ใช้ ได้แก่ ครูผู้สอนวิชากิจกรรมแนะแนว ในโรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี จำนวน 5 คน และ ผู้ปกครองนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ขั้นตอนที่ 2 แหล่งข้อมูลที่ใช้ ได้แก่ เอกสารงานวิจัย ตำรา ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเอง เอกสารหลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 3 คน สำหรับการทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพแบบเดียว (1:1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 9 คน สำหรับการทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพแบบกลุ่ม (1:10) และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 คน สำหรับการทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพภาคสนาม (1:100) ขั้นตอนที่ 3 แหล่งข้อมูล ได้แก่ กลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 คน ขั้นตอนที่ 4 แหล่งข้อมูล ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นตอนที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และขั้นตอนที่ 4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย , ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D ,ค่าร้อยละ และ t-test

ผลการวิจัยพบว่า

1. จากผลการศึกษาสภาพปัญหาในด้านการจัดการเรียนการสอนวิชาแนะแนวในโรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี พบว่า ครูและผู้ปกครอง มีความคาดหวังให้ครูผู้สอนวิชาแนะแนวสามารถสอนให้นักเรียนเกิดทักษะชีวิต มีสมาธิ สติในการใช้ชีวิตประจำวันและต้องการให้ครูผู้สอนเพิ่มเติมกิจกรรมที่สามารถพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเอง เนื่องจากผู้ปกครองบางท่านได้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานตนเอง พบว่า มีพฤติกรรมที่ค่อนข้างไม่พึงประสงค์ เช่น ปัญหาชู้สาว ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ไม่เรียนหนังสือ ติดโทรศัพท์ ติดเพื่อน ติดเกม ติดการพนัน ปัญหาการปรับตัว ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ปัญหายาเสพติด ซึ่งอาจส่งผลให้นักเรียนมีปัญหาในด้านการเรียน นอกจากนั้นครูผู้สอนและผู้ปกครองมีความต้องการให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีสื่อ อุปกรณ์ที่ทันสมัยหลากหลายมีความน่าสนใจ บรรยากาศในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีต้องการให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออกได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังพบว่า ครูผู้สอนมีความต้องการแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวที่สามารถแก้ปัญหาพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของผู้เรียน เนื่องจากในปัจจุบันแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาหรือแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนยังไม่มีความชัดเจน แหล่งเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่มีความทันสมัย การจัดการเรียนการสอนยังยึดครูเป็นศูนย์กลาง

2. รูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อว่า รูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนว “CPLA Model” มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดกิจกรรม 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นสำรวมจิต (C - Concentrate) 2) ขั้นการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ (P – Participation) 3) ขั้นสะท้อนกลับการเรียนรู้ (L– Learning Reflecting) 4) ขั้นประยุกต์ใช้ (A - Applying) มีค่าประสิทธิภาพระหว่างเรียน E1 เท่ากับ.80.99 และมีค่าประสิทธิภาพหลังเรียน E2 เท่ากับ 81.13 หรือมีค่าเท่ากับ 80.99/81.13 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า

3.1 แผนการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 4 จำนวน 30 คน มีค่าประสิทธิภาพระหว่างเรียน E1 เท่ากับ 87.33 และมีค่าประสิทธิภาพหลังเรียน E2 เท่ากับ 82.67 หรือมีค่าเท่ากับ 87.33/82.67 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80

3.2 ผลการเปรียบเทียบการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

โดยรวมก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยการเห็นคุณค่าในตนเอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรม

แนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเอง โดยรวมพบว่า นักเรียนมีระดับความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการเห็นคุณค่าในตนเองอยู่ในระดับมาก

Title Development of Guidance Activities Model for Self-Esteem in

Mathayomsuksa 4, Tessaban 6 Nakhon Udon Thani School

Author Suchittra Chaithongrat

Place Tessaban 6 Nakhon Udon Thani School

Year 2560

Abstract

The objectives of the Development of Guidance Activities Model for Self-Esteem in Mathayomsuksa 4, Tessaban 6 Nakhon Udon Thani School are 1) to study the basic information and state of problems in guidance activities of senior high school students 2) to create and develop the guidance activities model for self-esteem in Mathayomsuksa 4 students 3) to experiment the guidance activities model for self-esteem in Mathayomsuksa 4 students and 4) to explore the satisfaction of Mathayomsuksa 4 students on the guidance activities model for self-esteem. The used data sources are 1) 5 guidance teachers in Tessaban 6 Nakhon Udon Thani School and senior high school students’ parents 2) research papers, text books, theories involved the development of guidance activities model for self-esteem, the curriculum materials of student development activities, 5 experts, 3 Mathayomsuksa 4 students for individual testing (1:1), 9 Mathayomsuksa 4 students for group testing (1:10), and 30 Mathayomsuksa 4 students for field testing (1:100) 3) the sample of 30 Mathayomsuksa 4 students and 4) 30 Mathayomsuksa 4 students. The research instruments are 1) interview form 2) learning activities model and 3) satisfaction questionnaire. Statistics used in data analysis are , standard deviation, percentage, and t-test.

The results of the study were

1. The result from the study of state of problem on learning management in guidance at Tessaban 6 Nakhon Udon Thani School found that teachers and parents expect the guidance teachers to be able to teach students to have life skills, mediation and consciousness in daily life and want the teachers to give students extra activities that can develop self-esteem because some of parents notice that their children’s behaviors are not in the good way, such as affairs, premature pregnancy, inattentiveness in their study, mobile addiction, attachment to friends, games addiction, gambling addition, adaptation problem, low self-confidence, and drug problem which can affect students educationally. Moreover, teachers and parents want the variety of teaching medias, modern materials in learning activities to be provided, as well as the atmosphere that students can express their opinions and themselves extremely. Furthermore, it found that the teachers demand the guidance activities plans that can solve the students’ problems because, nowadays, the plans for developing and solving students’ unwanted behaviors are not obvious. The learning center and materials are outdated. Learning and teaching still emphasizes the teacher center.

2. The developed guidance activities model for self-esteem in Matthayomsuksa 4 called “CPLA Model” has elements consisted of principles, objectives, activity process which has 4 steps as follows: 1) C – Concentrate 2) P – Participation 3) L – Learning 4) A – Applying. The E1 effective value of while-studying is 80.99 and E2 is 81.13 or equal 80.99/81.13 which passes the preset criterion 80/80.

3. the results from using the guidance activities model for self-esteem in Mathayomsuksa 4 were

3.1 the E1 effective value of while-studying of guidance activity plans for self-esteem in 30 Mathayomsuksa 4 students is 87.33 and E2 is 82.67 or equal 87.33/82.67 which passes the preset criterion 80/80.

3.2 The comparative result for self-esteem in pre-learning and pos- learning of Mathayomsuksa 4 students found that students’ self-esteem average was statically significant at .05 level.

4. The satisfaction assessment of Mathayomsuksa 4 students in guidance activities model for self-esteem totally shew that the satisfaction level of students in guidance activities model for self-esteem is very good.

โพสต์โดย ดาว : [29 ส.ค. 2561 เวลา 12:35 น.]
อ่าน [3553] ไอพี : 1.1.199.177
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,768 ครั้ง
5 ทางเลือกเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบ New-Normal
5 ทางเลือกเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบ New-Normal

เปิดอ่าน 9,745 ครั้ง
ล้างมืออย่างไร ให้สะอาดสูงสุด
ล้างมืออย่างไร ให้สะอาดสูงสุด

เปิดอ่าน 21,335 ครั้ง
วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม วันพ่อ
วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม วันพ่อ

เปิดอ่าน 19,722 ครั้ง
อริยสัจ 4
อริยสัจ 4

เปิดอ่าน 55,694 ครั้ง
ใครว่าการเขียนด้วยลายมือนั้นล้าสมัย?
ใครว่าการเขียนด้วยลายมือนั้นล้าสมัย?

เปิดอ่าน 11,094 ครั้ง
คำสัญญาที่ว่างเปล่า
คำสัญญาที่ว่างเปล่า

เปิดอ่าน 13,002 ครั้ง
เชิญชวนสังเกตุปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุริยุปราคา 26 มกราคม 2552
เชิญชวนสังเกตุปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุริยุปราคา 26 มกราคม 2552

เปิดอ่าน 5,522 ครั้ง
จ๊อบส์ ดีบี ประเทศไทย เผยมุมมองผู้หางานและนายจ้างกับภาวะการจ้างงาน เปรียบเทียบประเทศไทยกับอาเซียน
จ๊อบส์ ดีบี ประเทศไทย เผยมุมมองผู้หางานและนายจ้างกับภาวะการจ้างงาน เปรียบเทียบประเทศไทยกับอาเซียน

เปิดอ่าน 12,210 ครั้ง
"กะเพรา" ราชินีสมุนไพร โบราณเชื่อช่วยให้อายุยืน
"กะเพรา" ราชินีสมุนไพร โบราณเชื่อช่วยให้อายุยืน

เปิดอ่าน 24,453 ครั้ง
8 วิธี การบริหารสมอง ให้สดชื่น
8 วิธี การบริหารสมอง ให้สดชื่น

เปิดอ่าน 14,538 ครั้ง
อ้างพบธาตุหนักที่สุดมีเลขอะตอม 122
อ้างพบธาตุหนักที่สุดมีเลขอะตอม 122

เปิดอ่าน 247,801 ครั้ง
มาตรฐานวิชาชีพครู
มาตรฐานวิชาชีพครู

เปิดอ่าน 23,276 ครั้ง
การศึกษาไทยจะเอา "คุณภาพ" หรือ "คุณธรรม"
การศึกษาไทยจะเอา "คุณภาพ" หรือ "คุณธรรม"

เปิดอ่าน 11,233 ครั้ง
"Li-Fi" เน็ตไร้สายเร็วกว่าไว-ไฟ100เท่า
"Li-Fi" เน็ตไร้สายเร็วกว่าไว-ไฟ100เท่า

เปิดอ่าน 10,385 ครั้ง
กิน"กระเทียม"ดีต่อสุขภาพหัวใจ
กิน"กระเทียม"ดีต่อสุขภาพหัวใจ

เปิดอ่าน 14,532 ครั้ง
ยิ่งเดิน ยิ่งดีต่อสุขภาพ
ยิ่งเดิน ยิ่งดีต่อสุขภาพ
เปิดอ่าน 29,751 ครั้ง
ประวัติ ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.
ประวัติ ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.
เปิดอ่าน 9,778 ครั้ง
เตือนปั่นจักรยานหนักกระเทือน จนเป็นเหตุให้ "นกเขาไม่ขันได้"
เตือนปั่นจักรยานหนักกระเทือน จนเป็นเหตุให้ "นกเขาไม่ขันได้"
เปิดอ่าน 19,350 ครั้ง
อาลัยการศึกษาไทย เก่งเจ๋งในกระดาษ
อาลัยการศึกษาไทย เก่งเจ๋งในกระดาษ
เปิดอ่าน 28,645 ครั้ง
เลิกโทษเด็กนักเรียนได้ไหม? คอลัมน์สุจิตต์ วงษ์เทศ
เลิกโทษเด็กนักเรียนได้ไหม? คอลัมน์สุจิตต์ วงษ์เทศ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ