ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดยใช้กิจกรรมตามรูปแบบ
กระบวนการแก้ปัญหา สำหรับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง
ผู้วิจัย นางหัทยา กลุ่มกลาง
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ คือ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพกิจกรรมตามรูปแบบกระบวนการแก้ปัญหาเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3
โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง อำเภอครบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
ของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง อำเภอครบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3 ก่อนและหลังการใช้กิจกรรมตามรูปแบบกระบวนการแก้ปัญหา
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi - Experimental Design) ที่มีกลุ่มทดลอง กลุ่มเดียวมีการทดสอบก่อนการทดลองและหลังการทดลอง (One Group Pretest Posttest Design) ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กชาย เด็กหญิง ที่มีอายุระหว่าง 5 - 6 ปี กำลังเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง อำเภอครบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3 จำนวน 14 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดประสบการณ์ตามรูปแบบกระบวนการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
สำหรับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 50 แผน 2) กิจกรรมตามรูปแบบกระบวนการแก้ปัญหา
เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 50 กิจกรรม
3) แบบประเมินทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 25 ข้อ
การวิเคราะห์โดยการคำนวณ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าร้อยละ (P) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
และการทดสอบค่าที (t - test) แบบ Dependent Samples และการคำนวณหาค่าประสิทธิภาพ (E1/ E2)
ผลการวิจัย พบว่า
1. กิจกรรมตามรูปแบบกระบวนการแก้ปัญหา ของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3
โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง อำเภอครบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3 มีประสิทธิภาพ(E1/ E2) เท่ากับ 89.79/85.43 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. หลังการใช้กิจกรรมตามรูปแบบกระบวนการแก้ปัญหา เด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3
โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง อำเภอครบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3 มีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สูงกว่าก่อนการใช้กิจกรรมตามรูปแบบกระบวนการแก้ปัญหาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05