ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบสุริยะ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเ

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบสุริยะ

โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย นายสมพร หมั่นบ้านต้อน ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ

สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลบ้านไผ่ กองการศึกษาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ ให้มีประสิทธิ์ภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบสุริยะ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น และ

3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิชา

วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบสุริยะ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น สำหรับ

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยคือ 1) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการสร้างและการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน คือ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน นักเรียนที่ใช้ในการสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อหาประสิทธิภาพ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 25 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ใช้เครื่องมือ คือ รูปแบบการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น จำนวน 8 แผน แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 40 ข้อ และ 2) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการทดลองรูปแบบการเรียนการสอน คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 /1 จำนวน 20 คน ใช้เครื่องมือ คือ รูปแบบการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น จำนวน 8 แผน แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ 3) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินความพึงพอใจของนักเรียน คือ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 /1 จำนวน 20 คน ได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง ( Purposive random sampling) ใช้เครื่องมือคือแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพและ การทดสอบค่า t (แบบกลุ่มไม่อิสระ) ผลการวิจัยปรากฏดังนี้

1.การสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน มีองค์ประกอบ 4 ด้าน คือ หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ กิจกรรมการเรียนรู้และการประเมินผลการเรียนรู้ เมื่อนำไปทดลองใช้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอน พบว่า 1) แบบรายุคคล มีประสิทธิภาพเท่ากับ 73.80/74.17 ต่ำกว่าเกณฑ์ 80/80 2) แบบกลุ่มเล็ก มีประสิทธิภาพเท่ากับ 75.69/76.39 ต่ำกว่าเกณฑ์ 80/80 3) แบบภาคสนาม มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.85/83.90 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80

2. ผลการใช้รูปแบบการสอน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย สมพร หมั่นบ้านต้อน : [4 ก.พ. 2561 เวลา 13:49 น.]
อ่าน [3819] ไอพี : 223.206.247.172
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,347 ครั้ง
6 ไอเดียเด็ดสื่อรักให้แม่ แบบไม่ต้องออกนอกกรุง
6 ไอเดียเด็ดสื่อรักให้แม่ แบบไม่ต้องออกนอกกรุง

เปิดอ่าน 18,431 ครั้ง
ดูให้รู้ : อนุบาลอัจฉริยะ
ดูให้รู้ : อนุบาลอัจฉริยะ

เปิดอ่าน 12,950 ครั้ง
infoGraphics เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจพ.ร.บ.การตั้งท้องในวัยรุ่น
infoGraphics เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจพ.ร.บ.การตั้งท้องในวัยรุ่น

เปิดอ่าน 29,118 ครั้ง
ดนตรีบำบัด
ดนตรีบำบัด

เปิดอ่าน 15,713 ครั้ง
ช้อน-ส้อม จุ่มน้ำร้อนหม้อหุงข้าว ฆ่าเชื้อโรคไม่ตาย
ช้อน-ส้อม จุ่มน้ำร้อนหม้อหุงข้าว ฆ่าเชื้อโรคไม่ตาย

เปิดอ่าน 17,403 ครั้ง
ดาวหาง "โฮล์มส" ระเหิดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์แล้ว
ดาวหาง "โฮล์มส" ระเหิดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์แล้ว

เปิดอ่าน 11,857 ครั้ง
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ทำไมเป็นกันมากขึ้น
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ทำไมเป็นกันมากขึ้น

เปิดอ่าน 14,297 ครั้ง
10 เคล็ดลับ ลดน้ำตาล ลดโรค ลดอ้วน
10 เคล็ดลับ ลดน้ำตาล ลดโรค ลดอ้วน

เปิดอ่าน 24,586 ครั้ง
วิวัฒนาการ ตู้ไปรษณีย์ สู่สัญลักษณ์ที่สุดเมืองไทย
วิวัฒนาการ ตู้ไปรษณีย์ สู่สัญลักษณ์ที่สุดเมืองไทย

เปิดอ่าน 11,691 ครั้ง
สมุนไพรช่วยลดความดัน
สมุนไพรช่วยลดความดัน

เปิดอ่าน 11,137 ครั้ง
แก้ปัญหา รักแร้ดำ
แก้ปัญหา รักแร้ดำ

เปิดอ่าน 36,581 ครั้ง
Adjectives (Articles - the )
Adjectives (Articles - the )

เปิดอ่าน 51,663 ครั้ง
หลักเกณฑ์สอบ ผอ.และรอง ผอ.
หลักเกณฑ์สอบ ผอ.และรอง ผอ.

เปิดอ่าน 11,793 ครั้ง
คู่มือการจัดหาประโยชน์จากที่ดิน ของสถานศึกษา
คู่มือการจัดหาประโยชน์จากที่ดิน ของสถานศึกษา

เปิดอ่าน 100,382 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 17 การเล่นลูกจากประตู
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 17 การเล่นลูกจากประตู

เปิดอ่าน 31,439 ครั้ง
กฎหมายน่ารู้ ตอน "ครูยึดโทรศัพท์นักเรียน มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์"
กฎหมายน่ารู้ ตอน "ครูยึดโทรศัพท์นักเรียน มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์"
เปิดอ่าน 19,000 ครั้ง
เกมส์
เกมส์
เปิดอ่าน 40,729 ครั้ง
Chat GPT คืออะไร ใช้งานยังไง AI  สำหรับครูยุคใหม่จำเป็นต้องรู้
Chat GPT คืออะไร ใช้งานยังไง AI สำหรับครูยุคใหม่จำเป็นต้องรู้
เปิดอ่าน 8,217 ครั้ง
ความผูกพันสำคัญต่อองค์กรอย่างไร ?
ความผูกพันสำคัญต่อองค์กรอย่างไร ?
เปิดอ่าน 12,627 ครั้ง
สอนอย่างไรให้เด็กคิดเขียน
สอนอย่างไรให้เด็กคิดเขียน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ