บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เคหพยาบาล กิจกรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เคหพยาบาล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสมาชิกยุวกาชาด ระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนและ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของสมาชิกยุวกาชาดที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เคหพยาบาล ประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๑ นครพนม อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เคหพยาบาล กิจกรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แผนการจัดกิจกรรม เรื่อง เคหพยาบาล กิจกรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.35 ถึง 0.78 ค่าอำนาจจำแนก 0.25 ถึง 0.70 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 แบบสอบถามความพึงพอใจของสมาชิกยุวกาชาด เรื่อง เคหพยาบาล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและดัชนีประสิทธิผล
ผลการวิจัยพบว่า
1. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เคหพยาบาล กิจกรรมยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.08/83.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เคหพยาบาล กิจกรรมยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6956 แสดงว่าผู้เรียนหลังการเรียนโดยใช้นวัตกรรม ผู้เรียนมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 69.56
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เคหพยาบาล กิจกรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 3 เมื่อเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เคหพยาบาล กิจกรรม
ยุวกาชาด ระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ย 4.75 มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด