ผู้วิจัย นางสาวสอบารียะห์ อุสมาน
สถานที่ทำงาน โรงเรียนราชพัฒนา ตำบลมะรือโบออก
อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส
ปี 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi experimental design) ชนิด One group pretest-posttest design เพื่อพัฒนาชุดการเรียนรู้สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องการคุ้มครองสิทธิตนเองในฐานะผู้บริโภค โดยวิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ประชากรที่ศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน ราชพัฒนา ตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส จำนวน 11 คน ซึ่งใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ดำเนินการวิจัย โดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นเวลา10 สัปดาห์ๆ ละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 20 ชั่วโมง ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โดยการทดสอบก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ ด้วยแบบทดสอบฉบับเดียวกัน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) ชุดการเรียนรู้สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิตนเองในฐานะผู้บริโภค โดยวิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิตนเองในฐานะผู้บริโภค 3) แบบประเมินทักษะการเรียนรู้โดยวิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และ 4)แบบประเมินความพึงพอใจในการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แล้วเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดการเรียนรู้สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องการคุ้มครองสิทธิตนเอง ในฐานะผู้บริโภค โดยวิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ 80/80 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องการคุ้มครองสิทธิตนเองในฐานะผู้บริโภค โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน หลังการจัดการเรียนรู้ เพิ่มขึ้นสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้
3. ทักษะการเรียนรู้ โดยวิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานโดยรวม ภายหลังการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก
4. ความพึงพอใจในการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานโดยรวม อยู่ในระดับมาก
คำสำคัญ : ชุดการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน การคุ้มครองสิทธิตนเองในฐานะ
ผู้บริโภค