ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถ ในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหร

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถ ในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย นางทิพย์กมล พัฒนชยากร

โรงเรียน โรงเรียนโยธินนุกูล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

สังกัดกองการศึกษา เทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม

ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2559

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดอย่างวิจารณญาณของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน จากการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนในการประเมินรูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 25 คน โรงเรียนโยธินนุกูล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาได้มาจากการสุ่มกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัด การเรียนรู้ จำนวน 6 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25-0.75 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (KR-20) เท่ากับ 0.87 3) แบบวัดความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25-0.58 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (KR-20) เท่ากับ 0.90 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.36-0.73 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (α) เท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t – test for Dependent Sample)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานพบว่าหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้พึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และมีค่านิยมที่พึงประสงค์ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในการจัดการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนมีความสนใจ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีทักษะกระบวนการ มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ ตลอดจนส่งเสริมให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นได้นั้น ผู้สอนจำเป็นต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อสนองความแตกต่างของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข สอดคล้องกับความถนัดของแต่ละบุคคล และพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มความสามารถและเหมาะสมกับวัยซึ่งการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวทฤษฎีการสร้างสรรค์ความรู้และแนวคิดการให้เหตุผลเป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

2. ผลการพัฒนาได้รูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถ

ในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีองค์ประกอบอยู่ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) จุดประสงค์ 3) เนื้อหาสาระ 4) กระบวนการเรียนรู้ และ 5) การวัดและประเมินผล และมีชื่อว่า “ECACE Model” มีกิจกรรมการเรียนรู้ในองค์ประกอบที่ 4 อยู่ 5 ขั้น คือ 1) ขั้นสร้างความสนใจและระบุปัญหา (Engagement and Problem Identification step : E) 2) ขั้นร่วมมือและวิธีการทางประวัติศาสตร์ (Cooperation and History-Method step : C ) 3) ขั้นวิเคราะห์และการให้เหตุผล (Analysis and Reasoning : A) 4) ขั้นสร้างองค์ความรู้ (Constructivism step : C ) และ 5) ขั้นประเมินผลและประยุกต์ใช้ (Evaluation and Application step : E ) สำหรับรูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นี้ มีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมาก และมีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80 /80

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถ

ในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนมีความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. การประเมินรูปแบบการเรียนการสอนพบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนสาระประวัติศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ภัทร : [11 ก.พ. 2560 เวลา 17:51 น.]
อ่าน [3948] ไอพี : 223.205.234.51
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 2,557 ครั้ง
อาการปวดท้องบ่งบอกโรค
อาการปวดท้องบ่งบอกโรค

เปิดอ่าน 22,430 ครั้ง
คำอวยพรปีใหม่ของชาติต่างๆ
คำอวยพรปีใหม่ของชาติต่างๆ

เปิดอ่าน 4,167 ครั้ง
ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ
ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ

เปิดอ่าน 12,339 ครั้ง
7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว
7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว

เปิดอ่าน 14,327 ครั้ง
กินหมึกสด หมึกดูดปาก ฮาตรึม
กินหมึกสด หมึกดูดปาก ฮาตรึม

เปิดอ่าน 12,742 ครั้ง
5 ปัญหาการเงิน เลี่ยงซะก่อนชีวิตคู่จะพัง
5 ปัญหาการเงิน เลี่ยงซะก่อนชีวิตคู่จะพัง

เปิดอ่าน 31,615 ครั้ง
แบบคำขอให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ (เกณฑ์ใหม่ มีผล 1 ต.ค.51)
แบบคำขอให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ (เกณฑ์ใหม่ มีผล 1 ต.ค.51)

เปิดอ่าน 19,908 ครั้ง
โรคของเส้นผม ขน และเล็บ
โรคของเส้นผม ขน และเล็บ

เปิดอ่าน 21,485 ครั้ง
คุณสมบัติของ e-Learning
คุณสมบัติของ e-Learning

เปิดอ่าน 16,421 ครั้ง
จริงไหม? ...กินไก่แล้วทำให้ลูกเป็นสาวเร็ว หรือทำให้หน้าอกใหญ่จริงหรือ?
จริงไหม? ...กินไก่แล้วทำให้ลูกเป็นสาวเร็ว หรือทำให้หน้าอกใหญ่จริงหรือ?

เปิดอ่าน 34,316 ครั้ง
ความหมายยันต์
ความหมายยันต์

เปิดอ่าน 325,548 ครั้ง
  ภาษาไทยเขียนอย่างไร...?  ให้ถูกต้อง
ภาษาไทยเขียนอย่างไร...? ให้ถูกต้อง

เปิดอ่าน 13,763 ครั้ง
"ปริญญาตรีหมื่นห้า"ฝ่าวิกฤติ!เด็กจบใหม่...ไม่ผ่านโปร!?
"ปริญญาตรีหมื่นห้า"ฝ่าวิกฤติ!เด็กจบใหม่...ไม่ผ่านโปร!?

เปิดอ่าน 640 ครั้ง
การอาบน้ำเกิน 10 นาที สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวหนังได้
การอาบน้ำเกิน 10 นาที สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวหนังได้

เปิดอ่าน 7,644 ครั้ง
เชิญเข้าร่วมกิจกรรมอบรม "สิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตฯ..."
เชิญเข้าร่วมกิจกรรมอบรม "สิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตฯ..."

เปิดอ่าน 26,148 ครั้ง
ป้องกันก่อนถูก
ป้องกันก่อนถูก 'ฟ้าผ่า' เรื่องง่าย ๆ ไม่ควรมองข้าม
เปิดอ่าน 9,937 ครั้ง
ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา-ปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน ความต่อเนื่องทางนโยบาย?
ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา-ปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน ความต่อเนื่องทางนโยบาย?
เปิดอ่าน 32,418 ครั้ง
ศิลปะการเห่เรือ
ศิลปะการเห่เรือ
เปิดอ่าน 40,258 ครั้ง
ปลูกลีลาวดี อาชีพเสริมที่ไม่ควรมองข้าม
ปลูกลีลาวดี อาชีพเสริมที่ไม่ควรมองข้าม
เปิดอ่าน 10,614 ครั้ง
ดูเป็นแสน!นร.อ่านอังกฤษฮา ครูหล่อเผยไม่ดุนร.เก่งขึ้น
ดูเป็นแสน!นร.อ่านอังกฤษฮา ครูหล่อเผยไม่ดุนร.เก่งขึ้น

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ