ชื่อเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้รูปแบบการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย นางสาวเบญจมาศ สมควร
ปีที่วิจัย 2558
บทคัดย่อ
การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เป็นการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ทางภาษาไปใช้ในการสื่อสารความหมาย ฝึกทักษะการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 (2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) ระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 39 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Clustered Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด ได้แก่ (1) แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) จำนวน 8 แบบฝึก เวลาทดลองสอนจำนวน 16 ชั่วโมง (2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.38-0.79 มีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.23-0.80 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) ซึ่งเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 16 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ 0.414 ถึง 0.776 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.864 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) และสถิติทดสอบที (t-test) แบบกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระกัน
ผลการวิจัย ปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.47/79.94 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) พบว่า นักเรียนมีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตที่ระดับ .05
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ DR-TA (Directed Reading Thinking Activity) พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.18 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.34