ใครที่เคยสงสัยว่า กิจการ ฮิวแมน ไดมอนด์ (Human Diamond) ที่รับจัดการนำเถ้ากระดูกคนตาย มาแปรรูปเป็น "เพชร" เพื่อให้ลูกหลานได้เก็บอัฐิของบุคคลอันเป็นที่รัก ในรูปของอัญมณีเลอค่า ซึ่งบางคนอาจจะนำไปทำเป็นจี้ห้อยติดกับสร้อยคอ หรือ แหวนเพชร ที่สามารถใส่ติดนิ้ว แทนที่จะนำอัฐิของคนตายใส่โกศตั้งไว้เฉยๆ ว่า จะไปรอดหรือ? เพราะดูแล้วน่าจะมีแต่ คนรวย เท่านั้น ที่ใช้บริการแบบนี้ได้ วันนี้ นายรินัลโด วิลลี่ หนึ่งในสองผู้ก่อตั้งบริษัท อัลกอร์แดนซ่า ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเปิดบริการมา 4 ปี ด้วยสนนราคาค่าบริการตั้งแต่ 4,500-17,000 ฟรังค์สวิส (ราว 148,720-564,460 บาท) เล่าว่า ลูกค้าของเขามีทุกประเภทเลย แม้แต่คนขับรถโดยสาร ก็เคยมาใช้บริการ!!! อีกทั้ง ตอนนี้บริษัทยังได้ขยายสาขาไปแล้วใน 20 ประเทศ มีพนักงานทั้งหมด 100 ชีวิต ขณะที่แต่ละเดือนจะมีออเดอร์ (คำสั่งทำ) จากลูกค้าเข้ามาประมาณ 40-50 ราย โดยเฉพาะลูกค้าจากญี่ปุ่นจะมากเป็นพิเศษ โดยเฉลี่ยจะมีโกศบรรจุอัฐิส่งข้ามฟ้ามาที่บริษัทประมาณวันละ 2-4 โกศ นอกจากนั้น ยังมีข่าวด้วยว่า กิจการประเภทนี้ที่บริษัทส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ ในการนำเถ้ากระดูกของคนตายไปแยกเอาธาตุแคลเซียม โปแตสเซียม ซึ่งจะมีอยู่ถึง 85% ในเถ้ากระดูกออกก่อนเป็นอันดับแรก ให้เหลือแต่ธาตุคาร์บอน จากนั้นก็นำเข้าสู่กระบวนการเผาด้วยความร้อนสูงราว 17,000 องศาเซลเซียส จนได้เพชรออกมานั้น กำลังมีลู่ทางไปได้ดีในหลายประเทศ อย่างเช่น ที่รัสเซีย, สเปน, ยูเครน และสหรัฐอเมริกา สำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจใช้บริการแบบนี้ อย่างเช่น กัลมารินี่-เฮสส์ เล่าว่า ที่จริงนี่เป็นความต้องการของ นางลิลลี เฮสส์-ซอลเบอร์เกอร์ แม่ของเธอ ซึ่งได้สั่งเสียเธอไว้ก่อนตายเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่า ให้นำอัฐิของเธอไปทำเป็นเพชรกับบริษัท อัลกอร์แดนซ่า ที่นางลิลลี่ เคยอ่านเจอข่าวเมื่อ 3 ปีก่อน กัลมารินี่เล่าว่า หลังจากแม่ตายในวัย 82 เธอก็ส่งอัฐิของแม่ไปทำเป็นเพชรสีน้ำเงิน น้ำหนักครึ่งกะรัต ซึ่งเธอนำไปทำเป็นจี้ห้อยคออยู่จนทุกวันนี้ "ฉันใส่ติดตัวตลอดเวลาแม้แต่ตอนนอน สำหรับฉันยังรู้สึกว่า แม่ยังไม่ตาย และมันทำให้ฉันรู้สึกดี" เธอยังเล่าด้วยว่า หลายคนพอรู้ว่า จี้เพชรที่ติดกับสร้อยคอเธอ ทำมาจากเถ้ากระดูกของแม่ ก็รู้สึก "ขนลุก" แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่า มันเจ๋ง "คุณต้องคิดไม่ถึงแน่เลยว่า มีคนมากขนาดไหนที่ถามฉันว่า เขาขอจูบจี้เพชรหน่อยได้มั้ย?" แต่สำหรับ สัปเหร่อในกรุงเจนีวา อย่าง นายยานนิค เอาเบล-คอยน์ดอซ เขากลับไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ และว่า ตัวเองยังไม่เคยได้รับการร้องขอจากญาติผู้ตาย ให้ช่วยเก็บเถ้ากระดูกเพื่อจัดส่งไปทำเป็นเพชรเลยสักครั้ง ทั้งยังว่า เขาเองก็ไม่คิดจะทำธุรกิจประเภทนี้ด้วย "ผมว่า มันไม่ใช่รูปแบบของประเพณีที่เราจัดการกับศพหรือระลึกถึงคนตาย การที่คุณนำอัฐิของคนตายไปทำเป็นจี้ห้อยคอ หรือแหวนสวมติดนิ้ว ที่ติดตัวคุณไปทุกที่ ตลอดเวลา ยิ่งทำให้คุณทำใจยาก และใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากความรู้สึกสูญเสีย" อย่างไรก็ตาม รินัลโดก็ว่า กิจการบริษัทกำลังไปได้สวย นอกจากจะมีโครงการไปเปิดสาขาใหม่ที่จีนและอินเดียเป็นเป้าหมายต่อไป ตอนนี้ยังมีลูกค้าหลายรายที่โทรศัพท์มา "สั่งจอง" ล่วงหน้า หรือระบุไว้ในพินัยกรรมว่า หากตายไปเมื่อไร ก็ให้ญาติจัดการนำอัฐิไปทำเป็นเพชรให้ด้วย ข้อมูลจาก :

Advertisement