
ก่อนจะเป็นนมข้าวโพด ต้องเริ่มจากนำข้าวโพดสดมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด ใช้มีดบางและคมฝานเอาเฉพาะเมล็ดข้าวโพดออก (ในที่นี้ตามสูตรน้ำหนัก 5 กิโลกรัม) เทน้ำสะอาดลงไปในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 นำไปต้มไฟปานกลางจนเดือดพอประมาณแล้วยกลง ทิ้งให้ข้าวโพดเย็น นำไปเข้าเครื่องบดให้ละเอียด หรือเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ แล้วใช้ผ้าขาวบางกรอง สิ่งที่จะได้คือน้ำนมข้าวโพดสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมถั่วเหลือง พร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวโพด
จากนั้นเป็นการปรุงรสชาติ สำหรับข้าวโพด 5 กิโลกรัม อาจต้องใช้น้ำตาลทรายประมาณ 750 กรัม เกลือ 2 ช้อนชา หากอยากเพิ่มความหอมอาจใช้ใบเตยสดทั้งใบล้างให้สะอาดใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำนมข้าวโพด นำไปตั้งไฟอ่อนถึงไฟกลางแล้วค่อยๆ เคี่ยวไปจนกระทั่งเดือด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ผู้ประสบความสำเร็จในการขายน้ำนมข้าวโพดบอกว่า เคล็ดลับอยู่ที่เวลาเคี่ยวต้องคอยหมั่นสังเกตอย่าให้น้ำนมข้าวโพดแตกมัน และอย่าเคี่ยวนานเกินไป เพราะความร้อนจะทำให้ความหวานของน้ำนมข้าวโพดหายไป

|
น้ำนมที่ต้มได้ที่แล้ว เมื่อยกลงยังมีอุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียส กรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้งเพื่อเอากากข้าวโพดและแป้งข้าวโพดที่เป็นคาร์โบไฮเดรตออกไปบ้าง คงเหลือแต่แคลเซียม วิตามิน โปรตีน ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการและมีไขมันต่ำ นำน้ำนมข้าวโพดผ่านการฆ่าเชื้อโดยเทใส่ภาชนะที่เป็นหม้อร้อนในเครื่องพาสเจอร์ไรส์ที่อุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียส แล้วไหลผ่านความเย็นทันทีในหม้อเย็นจัด
บรรจุขวดสะอาดที่ผ่านการซ่าเชื้อแล้ว (นึ่งฆ่าเชื้อประมาณ 5-10 นาที หรือลวกด้วยน้ำเดือด ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำมาบรรจุ) ปิดฝาขวดให้แน่น นำไปใส่ในถังน้ำแข็ง เมื่อความร้อนพบกับความเย็นทันทีจะสามารถฆ่าเชื้อได้ระดับหนึ่ง ถือว่าเป็นการพลาสเจอร์ไรส์ได้เช่นกัน ทั้งนี้ หากบรรจุในขวดที่มีขนาด 250 ซีซี จะบรรจุน้ำนมข้าวโพด 5 กิโลกรัมได้ประมาณ 40 ขวด เก็บรักษาโดยแช่เย็นในอุณหภูมิไม่เกิน 2-3 องศาเซลเซียส เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการทำน้ำนมข้าวโพดพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรซ์
ข้อแนะนำ หากต้องการให้น้ำนมข้าวโพดมีสีขาวข้น และกลิ่นหอม ควรใช้ข้าวโพดหวานพันธุ์ เอ ที เอส และสามารถต้มขายลักษณะวันต่อวัน เช่นเดียวกับน้ำเต้าหู้ก็ได้ หรือหากมีเงินลงทุนมาก ควรซื้อหม้อพาสเจอร์ไรส์ ราคาประมาณ 30,000 บาท
ส่วนกากข้าวโพดที่กรองไว้ ยังนำไปแปรรูปเป็นอาหารว่างที่ถูกปากหลายคนไม่แพ้เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโพด คือข้าวโพดกวน วิธีทำ เริ่มจากนำกากข้าวโพด (จากข้าวโพด 5 กิโลกรัม) ลงกระทะ ตามด้วยกะทิ 1,000 กรัม น้ำตาล 1,800 กรัม ค่อยๆ กวนด้วยไฟอ่อนๆ กระทั่งข้าวโพดไม่เกาะติดกระทะ แล้วยกลง ขั้นตอนต่อไปเป็นการประดิษฐ์ประดอยว่าจะปั้นเป็นก้อนทานพอคำ หรือทำเป็นรูปอะไรก็ได้ หรืออาจจะห่อด้วยกระดาษแก้วหลากสีให้กลายเป็นอาหารขบเคี้ยวที่น่าทานและขายได้
กลับไปที่นมข้าวโพด คุณประโยชน์ที่ได้รับประกอบด้วยไขมันและโซเดียมต่ำ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไต มีเบต้าแคโรทีนช่วยบำรุงผิวและสายตา มีแคลเซียมช่วยกระตุ้นการเจริญของกระดูก ผม และฟันในเด็กวัยเรียน นอกจากนั้น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แมกนีเซียม โพแตสเซียม เมไธโอนีน วิตามิน เอ บี และอื่นๆ อย่างละเล็กน้อย และรสพอหวาน ยังเป็นเครื่องดืมเพิ่มพลังงานในคนฟื้นจากไข้ หรือผู้มีอาการอ่อนเพลีย
ขอบคุณ คอลัมน์ รู้ไปโม้ด โดยน้าชาติ ประชาชื่น ; ข่าวสด