ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ถามสังคมรับได้หรือไม่ ลอยแพป.6 เรียนแย่


ข่าวการศึกษา 27 เม.ย. 2559 เวลา 10:33 น. เปิดอ่าน : 17,429 ครั้ง

Advertisement

ถามสังคมรับได้หรือไม่ ลอยแพป.6 เรียนแย่

"ดาว์พงษ์" ยังต้องหารือรายละเอียดแนวคิดของประธานผู้ตรวจการแผ่นดินให้เด็ก ป.6 เกรดไม่ถึง 2.5 จ่ายค่าเทอมชั้น ม.1 เอง ชี้หลักๆ ต้องถามสังคมเห็นด้วยหรือไม่ หวั่นกระทบมีเด็กตกหล่นออกกลางคันมากยิ่งขึ้น

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้จัดทำข้อเสนอในการแก้ปัญหานโยบายการศึกษา ปัญหาโครงสร้างการศึกษา ระบบจัดการศึกษา รวมถึงปัญหาคุณภาพผู้เรียน โดยขอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการแก้กฎหมายการศึกษา 15 ฉบับ โดยไม่ต้องผ่านที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เช่น ให้จัดการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ตั้งแต่ปฐมวัยถึงประถมศึกษาปีที่ 6 แยกสายสามัญและสายอาชีวะตั้งแต่ชั้น ม.1 และเสนอให้ตั้งสถาบันครูศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพและผลิตครู และการันตีเงินเดือนครูต้องไม่ต่ำกว่าแพทย์ รวมถึงยังมีแนวคิดให้เด็กที่จบชั้นป.6 แต่ได้เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.5 เมื่อเข้าเรียนชั้น ม.1 จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด หรือหากไม่มีเงินทุน ก็ให้กู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ทั้งนี้เพื่อให้เด็กตั้งใจเรียน ทำคะแนนให้ดี ว่า ตนเห็นข้อเสนอดังกล่าวแล้ว ผ่านทางสื่อต่างๆ ซึ่งตนก็อยากคุยรายละเอียดกับทางผู้ตรวจการฯ เหมือนกัน ว่าคิดเห็นอย่างไรและมีข้อมูลใดประกอบแนวคิด ตอนนี้คงไม่สามารถตอบได้ว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า การเสนอเปลี่ยนการศึกษาภาคบังคับจากชั้น ป.1-ม.3 เป็นปฐมวัยถึง ป.6 ขณะนี้ในร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับประชามติ) มาตรา 54 ระบุว่า รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลา 12 ปีตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันการศึกษาภาคบังคับถึงชั้น ม.3 ยังสะดุ้งกัน กลัวเด็กจะหลุดออกนอกระบบ ดังนั้น หากบังคับตามที่ผู้ตรวจการฯ เสนอก็มีโอกาสที่เด็กจะออกนอกระบบการศึกษามากขึ้น

"ส่วนที่ให้เสนอให้เด็กที่จบชั้น ป.6 แต่เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.5 ให้เสียค่าใช้จ่ายเองเมื่อเรียนต่อชั้น ม.1 นั้น ต้องไปถามสังคมเองว่าเห็นด้วยหรือไม่ ผมคงไม่สามารถตอบได้ ผมเคารพความคิดของทุกคน เพียงแค่การเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์แล้วไปแสดงความคิดเห็น ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรนั้น ผมคงต้องพูดคุยรายละเอียดให้เข้าใจก่อน"

ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาฯ กอศ.) กล่าวว่า ข้อเสนอหลายข้อเป็นประโยชน์ แต่มีบางประเด็นที่ตนไม่เห็นด้วย เช่น กำหนดการศึกษาภาคบังคับถึงชั้น ป.6 ควรจะบังคับเรียนถึง ม.3 เช่นเดิม แต่หากจะให้ความสำคัญกับปฐมวัย ก็ควรขยายบังคับเรียนเพิ่มในระดับอนุบาล 3 ปี ไม่ใช่ตัดมัธยมศึกษาตอนต้นทิ้ง รวมถึงแนวคิดให้เด็กจบชั้น ป.6 แต่เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.5 ต้องจ่ายค่าเทอมเองนั้น จะกระทบต่อเด็กยากจน เพราะส่วนใหญ่จะเรียนไม่ดี เนื่องจากผลการเรียนมีตัวแปรหลายเรื่อง ทั้งฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม หากเอาตัวเลขผลการเรียนมาตัดสิน ก็จะยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามากขึ้น อีกทั้ง มาตรฐานในการวัดประเมินผลของครูแต่ละโรงเรียนก็มีความหลากหลาย อีกทั้งยังจะส่งผลให้ตัวเลขเด็กออกกลางคันเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนการให้แยกเรียนสายสามัญกับสายอาชีพ ตั้งแต่ชั้น ม.1 นั้น อาจขัดกับปรัชญาของการจัดการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่มีเป้าหมายให้เด็กได้สำรวจความถนัดของตนเองว่ามีความถนัด สนใจอาชีพประเภทไหน ดังนั้น การให้แยกสายการเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจะเหมาะสมกว่า

"การใช้ ม.44 ควรต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ หากเห็นว่าเรื่องไหนที่จำเป็นเร่งด่วนที่จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้การปฏิรูปการศึกษาขับเคลื่อน และทำให้นโยบายของรัฐบาลประสบความสำเร็จในช่วง 2 ปีนี้ก็ใช้ แต่ถ้าเรื่องไหนไม่เร่งด่วนก็ควรรอให้มีการพิจารณาผ่านตามขั้นตอนตามปกติ โดยเฉพาะในข้อเสนอที่เป็นประเด็นกระทบกับคนวงกว้าง" นายชัยพฤกษ์กล่าว

ด้านนายพะโยม ชิณวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ในการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สนผ.) สพฐ.ได้รายงานผลสำรวจปัญหาเด็กออกกลางคันของโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ซึ่งได้ทำการสำรวจ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเด็กตกหล่น คือ ผู้ที่ไม่เคยผ่านระบบการศึกษา 2.เด็กออกกลางคัน คือ เด็กที่เข้าสู่ระบบการศึกษาแล้วมีเหตุให้ต้องออกจากการศึกษา เช่น มีปัญหาครอบครัว สมรสในช่วงที่เรียนในการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีปัญหาเรื่องการปรับตัว ต้องคดี เป็นต้น สำหรับกลุ่มเด็กตกหล่น กำลังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจ และตรวจสอบตามฐานข้อมูลประชากรของกระทรวงมหาดไทย (มท.) และกลุ่มเด็กออกกลางคันนั้น สำรวจได้จำนวน 8,814 คน เป็นข้อมูลเฉพาะสังกัด สพฐ. ซึ่ง สพฐ.ได้ทำหนังสือแจ้งกำชับไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต (สพท.) ว่าในปีการศึกษา 2559 นี้ จะต้องเข้าไปช่วยเหลือเด็กที่กระจายอยู่ในพื้นที่แต่ละจังหวัด เพื่อผลักดันให้เข้ามาสู่ระบบการศึกษา โดยร่วมกับสำนักบริหารงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในการรับเด็กเข้าเรียน ส่วนในระยะยาว ได้หารือวางระบบการส่งต่อเด็กหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เพื่อรับผิดชอบดูแลเด็กกลุ่มนี้โดยเฉพาะ. 

 

ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 27 เมษายน 2559


ถามสังคมรับได้หรือไม่ ลอยแพป.6 เรียนแย่ถามสังคมรับได้หรือไม่ลอยแพป.6เรียนแย่

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ด่วน! สพฐ.ประกาศสอบบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2567 รอบทั่วไป

ด่วน! สพฐ.ประกาศสอบบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2567 รอบทั่วไป

เปิดอ่าน 3,337 ☕ 18 เม.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
เปิดอ่าน 1,475 ☕ 24 เม.ย. 2567

คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด
เปิดอ่าน 410 ☕ 24 เม.ย. 2567

เล็งจัดงบฯ อาหารเช้าให้นักเรียน
เล็งจัดงบฯ อาหารเช้าให้นักเรียน
เปิดอ่าน 413 ☕ 24 เม.ย. 2567

มาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567
มาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567
เปิดอ่าน 6,200 ☕ 23 เม.ย. 2567

การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด สพฐ. (การย้ายกรณีปกติ) ประจำปี พ.ศ. 2567
การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด สพฐ. (การย้ายกรณีปกติ) ประจำปี พ.ศ. 2567
เปิดอ่าน 5,344 ☕ 23 เม.ย. 2567

กฏ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2567
กฏ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2567
เปิดอ่าน 442 ☕ 23 เม.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

10 สายพันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก
10 สายพันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก
เปิดอ่าน 21,119 ครั้ง

การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-Based Instruction)
การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-Based Instruction)
เปิดอ่าน 121,478 ครั้ง

อักษรไทย ภาษาไทย รูปแบบการเขียนตัวอักษร แบบอักษรไทย
อักษรไทย ภาษาไทย รูปแบบการเขียนตัวอักษร แบบอักษรไทย
เปิดอ่าน 110,260 ครั้ง

10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52
10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52
เปิดอ่าน 23,490 ครั้ง

กินไข่สุก ๆ ดิบ ๆ มีโทษ
กินไข่สุก ๆ ดิบ ๆ มีโทษ
เปิดอ่าน 42,070 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ