ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

การศึกษาที่กำลังจะกลายเป็นโรงงานผลิตใบปริญญา


บทความการศึกษา 30 เม.ย. 2558 เวลา 11:47 น. เปิดอ่าน : 25,519 ครั้ง
การศึกษาที่กำลังจะกลายเป็นโรงงานผลิตใบปริญญา

Advertisement

ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน, ราชบัณฑิต

การศึกษาเป็นกระบวนการของการกล่อมเกลาเรียนรู้ ให้ทราบข้อมูล ความรู้ ทฤษฎี รู้วิธีการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิจัย เพื่อสร้างความรู้และสร้างทฤษฎี โดยต่อยอดความรู้ที่มีอยู่ หรือจากการคิดเองโดยสร้างความรู้ใหม่ นอกเหนือจากที่กล่าวมา การศึกษายังเป็นการสร้างทักษะ ความชำนาญเพื่อประกอบอาชีพ เพราะจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีวิชาชีพที่มาจากการศึกษาและฝึกอบรม เพื่อสามารถผลิตสิ่งที่สังคมต้องการไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุตสาหกรรม เกษตร ข่าวสารข้อมูล หรือการบริการ นอกจากนั้น การศึกษายังต้องมีส่วนในการสร้างบุคลิก การวางตัวในสังคม ความสามารถทำงานในองค์กร สามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่น มีหลักการและปรัชญาแห่งชีวิต ฯลฯ

ในขณะที่การศึกษามีจุดประสงค์ดังกล่าวเบื้องต้น ระบบการศึกษาของหลายประเทศกำลังกลายเป็นสถานที่ผลิตปริญญาในลักษณะเป็นสินค้า โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพหรือคุณลักษณะต่างๆ ที่กล่าวมาเบื้องต้น กล่าวนัยหนึ่ง ระบบการศึกษาถ้าไม่ระมัดระวังจะกลายเป็นโรงงานผลิตปริญญาบัตรเช่นเดียวกับโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหารกระป๋องโดยออกมาเป็นจำนวนมาก ลักษณะเช่นนี้เป็นการบ่งบอกถึงความเสื่อมของระบบการศึกษา กล่าวได้ว่า การศึกษาเช่นนี้สิ่งที่ผู้ศึกษาจะได้คือแผ่นกระดาษที่มีการบันทึกที่เรียกว่าปริญญาบัตร หรือถ้าสมัยก่อนปริญญาบัตรจะสลักตัวหนังสือและชื่อผู้ได้รับปริญญาลงบนหนังแกะเป็นแผ่นสวยงามที่เรียกว่า หนังแกะ (sheep skin) ซึ่งแปลว่าปริญญาบัตร ผู้เขียนจำได้ว่ามหาวิทยาลัยมิชิแกนยังแจกปริญญาบัตรเป็นหนังแกะ แต่ทั่วๆ ไปจะเป็นกระดาษธรรมดา

ปัญหาสำคัญก็คือ การศึกษานำมาซึ่งความเชื่อที่ว่าผู้ได้รับปริญญามีความรู้ตามที่บ่งบอกไว้ในแผ่นปริญญา ตั้งแต่บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต และในกรณีดุษฎีบัณฑิตจะมีคำว่าด็อกเตอร์ (ดร.) ซึ่งเลียนแบบมาจาก Dr. นำหน้า ซึ่งปกติมักจะหมายถึงคนที่เป็นหมอ แต่ในภาษาลาตินคำว่า doctor แปลว่าการสอนก็ได้ หรือในแง่ไม่ดีแปลว่าการปลอมแปลงก็ได้ เช่น การปลอมแปลงเอกสารก็ใช้คำว่า doctor แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่าการได้คำนำหน้าว่า ดร. ถือเป็นเกียรติเสมือนหนึ่งสถานะศักดินาในสมัยโบราณ ซึ่งบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมว่ามีการศึกษาและมีนัยว่าจะต้องเป็นคนที่อยู่ในสังคมผู้ดี มีอาชีพที่ดี มีความรู้ มีรสนิยม แต่ในความเป็นจริงอาจจะมีผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็น ดร. แต่ไม่ได้ร่ำเรียนมา เช่น ได้มาในลักษณะกิตติมศักดิ์ หรือได้มาจากการชำระเงิน

กล่าวคือ ซื้อดื้อๆ จากมหาวิทยาลัยบางแห่งจากต่างประเทศ

หรือในกรณีในประเทศไทยซึ่งจะเป็นเนื้อหาบทความนี้ก็กลายเป็นการศึกษาที่มีสถาบันการศึกษาบางแห่งใช้วิธีดำเนินการเสมือนหนึ่งการซื้อขาย จนนำไปสู่คำกล่าวที่ว่า "จ่ายครบ จบแน่" รับผู้เข้าศึกษาโดยไม่จำกัดจำนวน ไม่คำนึงถึงคุณสมบัติความรู้ และมีการจ้างการทำดุษฎีนิพนธ์เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่จะจบการศึกษา จุดมุ่งหมายเพื่อได้ปริญญาโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หรือรู้ครึ่งๆ กลางๆ แต่ขอให้มีคำว่า ดร. นำหน้า จะได้พิมพ์นามบัตรและแนะนำตนเองให้คนในสังคมได้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งๆ ในความเป็นจริงมาตรฐานความรู้ คุณภาพการศึกษา อยู่ในขั้นที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานที่ควรเป็น ในแง่หนึ่งการได้รับเกียรติยศซึ่งไม่เป็นความจริงนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของอริสโตเติลที่ว่า "ศักดิ์ศรีมิได้อยู่ที่การได้รับเกียรติ แต่อยู่ที่สมควรได้รับเกียรตินั้นหรือไม่" (Dignity does not consist in having honors but in deserving them)

แต่ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ซึ่งมีบทบาทในการให้ปริญญาเอกจำนวนไม่น้อยเป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะให้ปริญญาเอกโดยกระทำการละเมิดต่อกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยกฎหมาย เช่น จบปริญญาเอก สอนปริญญาเอก ทั้งๆ ที่ไม่มีงานวิจัย จบปริญญาเอก ดูแลดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอกทั้งๆ ที่ขาดคุณสมบัติเพราะไม่มีงานวิจัย หรือไม่มีตำแหน่งทางวิชาการแม้สอนมาเป็นสิบปี หรือดูแลดุษฎีนิพนธ์เกินกว่าที่กำหนดตามกฎหมาย เช่นเกิน 10 คน ให้ผ่านปริญญาเอกทั้งๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการว่าจ้างให้ผู้อื่นทำ เพราะเนื้อหาออกมาใกล้เคียงโดยลอกกันมาเป็นทอดๆ แม้การสะกดผิดก็ยังผิดเหมือนกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ 3 บทแรกซึ่งเป็นบทที่เรียกว่าพื้นฐานเหมือนกันหมดทุกเล่ม หรือใกล้เคียงกันทุกเล่ม มีความแตกต่างกันเพียงเลกน้อย สลับคำพูด เติมข้อมูลมาให้เห็นเพียงแตกต่าง แต่ในความเป็นจริงเหมือนเดิม เสมือนหนึ่งกับการทำแกงเขียวหวาน วิธีทำเหมือนกันเปลี่ยนแต่เพียงเขียวหวานเนื้อ เขียวหวานปลา เขียวหวานไก่ ฯลฯ ในกรณี 3 บทเหมือนกันนั้นจะต่างกันเฉพาะข้อมูลที่ไปวิจัย วิจัยสถานที่ต่างกัน วิจัยตัวบุคคลต่างกัน วิจัยตัวอย่างต่างกัน สิ่งที่ตามมาก็คือ ดุษฎีนิพนธ์ดังกล่าวไม่มีอะไรใหม่ในแง่ทฤษฎี หรือกรอบการวิจัย แต่จะมีสิ่งที่ใหม่ก็คือข้อมูลที่หลากหลายออกไป ขึ้นอยู่กับเวลา สถานที่ และตัวอย่างที่สุ่ม

ด้วยเหตุนี้ ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอกจึงกลายเป็นงานวิจัยโดยไม่มีข้อถกเถียงที่เป็นแกน (thesis) เช่น โลกกลม หรือโลกแบน โดยมีการวิจัยพิสูจน์ว่าโลกกลมไม่ใช่โลกแบน หรือพิสูจน์ว่าสัณฐานโลกกลมแต่สังคมโลกแบน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอกที่เห็นอยู่จึงไม่มี thesis มีแต่งานวิจัย ซึ่งไม่ยากในการเก็บข้อมูล เพราะ 3 บทแรกเป็นพื้นฐานที่ลอกๆ ต่อๆ กันจากอาจารย์คนเดียวซึ่งมีความรู้แค่ 3 บทดังกล่าว จึงนำไปสู่คำถามที่ว่า อาจารย์ที่ดูแลดุษฎีนิพนธ์โดย 3 บทเหมือนกันหมด มีความรู้ในมิติอื่นๆ หรือไม่ หรือความรู้ที่มีอยู่มีเพียงแค่ 3 บทนั้นเป็นฐานเนื่องจากศึกษาและเขียนดุษฎีนิพนธ์โดยมี 3 บทดังกล่าว ผู้ศึกษาซึ่งเป็นนักศึกษาจึงอาศัย 3 บทของอาจารย์เป็นฐานในการวิจัยจนได้รับปริญญาเอกเป็นจำนวนมากโดยเป็นรูปแบบเดียวกันหมด เสมือนหนึ่งการปั๊มสินค้าจากโรงงานซึ่งเป็นแบบเดียวกัน ข้อสังเกตก็คือ

ประการแรก ผู้สอนปริญญาเอกที่มีลีกษณะเยี่ยงนี้น่าจะมีความรู้เพียงมิติเดียวคือ 3 บทดังกล่าว เพราะไม่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมจากที่ได้เล่าเรียนมา

ประการที่สอง การเขียนดุษฎีนิพนธ์โดยมีงานวิจัย มีข้อมูลใหม่แค่ 3 บทเดียวกันนั้นจะไม่สามารถนำไปสู่ความแตกต่างในแง่กรอบความคิด หรือ conceptual framework

ประการที่สาม ผู้กระทำการดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งคัดลอกมาจากแผ่นดิสก์แผ่นเดียวกันนั้น เป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ของกฎหมาย และยังเข้าลักษณะ plagiaries หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมสามารถจะพิสูจน์ได้ จึงมีรายการให้มีการทำใหม่และสอบใหม่จากหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมดูแลซึ่งเท่ากับเป็นการถอนดุษฎีนิพนธ์ กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของสถาบันการศึกษาบางสถาบันที่ละเมิดต่อมาตรฐานวิชาการ และต่อจริยธรรมวิชาชีพ และเป็นการบ่งบอกถึงการไร้ซึ่งความเป็นบัณฑิตที่บริสุทธิ์ มีเกียรติและศักดิ์ศรี ตามปริญญาบัตรที่แสดงต่อสาธารณชน การซื้อปริญญาจากต่างประเทศ การรับผู้ศึกษาเป็นจำนวนมากและจบโดยง่ายโดยผิดหลักเกณฑ์ที่ควรจะเป็น ทำให้ปริญญาเอกที่เกิดขึ้นกลายเป็นเสมือนหนึ่งสินค้าที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ระบบการศึกษาระดับสูงของบางประเทศจึงกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตปริญญาบัตรอย่างดาษดื่น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ปริญญาโหล หรือปริญญาห้องแถว ตามที่ประเทศไทยเคยวิพากษ์วิจารณ์ประเทศเพื่อนบ้านมาแล้ว และประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวอย่างน้อยมี 2 ประเทศก็ยังมีชื่อเสียงในทางไม่ดีตามที่ได้กล่าวมาเบื้องต้น

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) จะแก้ปัญหานี้อย่างไร จะต้องดูกันต่อไป สิ่งที่ทราบก็คือได้มีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการตรวจสอบมาตรฐาน ตรวจสอบการสอนนอกสถานที่ ฯลฯ แต่เนื่องจากอำนาจที่มีอยู่ตาม พรบ. หรือกฎหมายเดิมนั้นจำกัด ขณะเดียวกันมีการละเมิดต่อกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยไม่ละอายใจด้วยวิธีการหลีกเลี่ยงกฎหมายอย่างแยบยล โดยขาดหิริโอตับปะ ศีลธรรมและจริยธรรม ของนักวิชาการหรือผู้ประกอบการบางราย ทำให้ระดับการศึกษาตกต่ำและปริญญาบัตรกลายเป็นสิ่งที่ไร้เกียรติ ทำให้ผู้ซึ่งศึกษามาอย่างถูกต้องและจบอย่างเต็มภาคภูมิพลอยได้รับความมัวหมองไปด้วย

ค่านิยมที่ต้องการมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ด้วยวิธีการที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี การดำเนินกิจการมหาวิทยาลัยในลักษณะของการค้ากำไรแบบธุรกิจ เป็นการบ่อนทำลายสังคมอย่างอภัยให้ไม่ได้ ที่สำคัญ เมื่อได้รับปริญญาเอกหรือดุษฎีบัณฑิต และมีคำว่า ดร. นำหน้า จะต้องสมกับความรู้และสถานะ เพราะมิฉะนั้นเมื่อมีการแสดงความคิดเห็นที่ไม่แสดงออกถึงความรู้จะเกิดปัญหา โดยประการแรกคือคำถามที่ว่า "คนนี้จบมาได้อย่างไร พูดจาเหมือนคนไม่มีความรู้ สงสัยซื้อมา" เจ้าตัวก็จะเสียหาย ประการที่สองคือคำถามที่ว่า เรียนกับใคร พอเอ่ยชื่ออาจารย์ผู้นั้น อาจารย์ผู้นั้นก็จะเสียชื่อเสียงไปด้วย ประการที่สามคือคำถามที่ว่า จบจากสถาบันไหน เมื่อเอ่ยชื่อสถาบันย่อมทำความเสียหายแก่สถาบัน ประการที่สี่คือคำถามที่ว่า เมื่อนำไปสอนนักศึกษา ความรู้งูๆ ปลาๆ ครึ่งๆ กลางๆ ทำความเสียหายแก่นักศึกษาอย่างน่าเป็นห่วง ประการสุดท้าย เมื่อพิมพ์นามบัตรแนะนำตนเองให้กับสังคม ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม เท่ากับเป็นการหลอกลวงสังคมหรือคนลวงโลก นอกเหนือจากหลอกลวงตนเอง

ปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดจะต้องมีการแก้ไข แต่จะแก้ไขอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่กระทำได้ง่ายนัก คนที่สามารถจะหลอกลวงตนเองได้โดยไม่ละอายใจ ย่อมมีแนวทางในการที่จะกระทำการทุกอย่างเพื่อได้มาซึ่งเกียรติยศจอมปลอม คนที่ต้องการทำมาหากินจากความอ่อนแอของสังคมก็จะฉกฉวยประโยชน์หาผลประโยชน์จากจุดอ่อนของสังคมดังกล่าวโดยไม่ละอายแก่ใจเช่นเดียวกัน แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่สามารถจะปกปิดได้ ความรู้เป็นของสูง เป็นของแน่นอน ผู้ซึ่งไม่มีความรู้ เสแสร้งว่าจะรู้ย่อมไม่สามารถจะกระทำได้ เพราะผู้รู้จะรู้ทันทีว่ามีความรู้ขนาดใด ความรู้ไม่ใช่สินค้าที่จะทำของปลอมตบตาคนอื่น ความรู้ต้องเป็นสิ่งที่มีความรู้จริงๆ ผู้ซึ่งอ้างว่าจบวิชาอะไรเมื่อแสดงความคิดเห็นออกมาก็จะเปิดโปงทันทีว่าเป็นของแท้หรือของเทียม ในกรณีดังกล่าวนี้ประยุกต์ได้กับผู้ทำหน้าที่สอนหนังสือเป็นครูบาอาจารย์ด้วยในทำนองเดียวกันว่ามีความรู้ คุณวุฒิที่สามารถเป็นอาจารย์ นักวิชาการระดับสูงได้ หรือเป็นคนรู้ครึ่งๆ กลางๆ ผู้สอนที่มีความรู้ครึ่งๆ กลางๆ เปรียบได้กับสินค้าปลอมหรือสินค้าคุณภาพต่ำ นักศึกษาที่เรียนและจบการศึกษาจากผู้สอนที่ขาดคุณภาพก็ย่อมไม่มีความภูมิใจ บางคนถึงกลับไม่ยอมเอ่ยว่าจบภายใต้การกำกับการเขียนดุษฎีนิพนธ์กับใคร

อับราฮัม ลินคอล์น กล่าวความว่า ท่านอาจจะหลอกคนบางคน บางกลุ่ม ได้ตลอดเวลา ท่านอาจจะหลอกคนทั้งหมดได้ในบางเวลา แต่ท่านไม่สามารถจะหลอกคนทั้งหมดได้ตลอดเวลา


ที่มาจาก สยามรัฐ วันที่ 29 เมษายน 2558

 


การศึกษาที่กำลังจะกลายเป็นโรงงานผลิตใบปริญญา

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

คืนครูสู่ห้องเรียน

คืนครูสู่ห้องเรียน


เปิดอ่าน 16,592 ครั้ง
Smart Thailand

Smart Thailand


เปิดอ่าน 8,570 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ขับเคลื่อนการศึกษาไทยอย่างไร จึงถูกใจประชาชน โดย ดร.ดำรงค์ ชลสุข

ขับเคลื่อนการศึกษาไทยอย่างไร จึงถูกใจประชาชน โดย ดร.ดำรงค์ ชลสุข

เปิดอ่าน 9,813 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)
เปิดอ่าน 7,923 ☕ คลิกอ่านเลย

แบบเรียนที่ไม่ได้มีไว้เลียนแบบ : นิ้วกลม
แบบเรียนที่ไม่ได้มีไว้เลียนแบบ : นิ้วกลม
เปิดอ่าน 9,689 ☕ คลิกอ่านเลย

เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร
เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร
เปิดอ่าน 26,616 ☕ คลิกอ่านเลย

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก 17 ประการ
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก 17 ประการ
เปิดอ่าน 13,290 ☕ คลิกอ่านเลย

เปิดม่านการศึกษา : 2 พ.ค. 59 : โดย...ครูแจ่ม
เปิดม่านการศึกษา : 2 พ.ค. 59 : โดย...ครูแจ่ม
เปิดอ่าน 9,734 ☕ คลิกอ่านเลย

"หนี้ครู" ปัญหาอมตะคู่แม่พิมพ์ของชาติ
"หนี้ครู" ปัญหาอมตะคู่แม่พิมพ์ของชาติ
เปิดอ่าน 11,254 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร
เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร
เปิดอ่าน 26,616 ครั้ง

แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)
แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)
เปิดอ่าน 3,583 ครั้ง

จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน
จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน
เปิดอ่าน 10,691 ครั้ง

10 ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก
10 ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก
เปิดอ่าน 10,758 ครั้ง

เกมส์
เกมส์
เปิดอ่าน 18,956 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ