ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

การปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน


ข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ 10 มี.ค. 2556 เวลา 17:15 น. เปิดอ่าน : 9,301 ครั้ง
การปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน

Advertisement

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมประชุมระดมความคิด เรื่อง "กรอบแนวทางการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน" เมื่อวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักการศึกษา ร่วมประชุมประมาณ ๓๐ คน

รมว.ศธ. กล่าวในพิธีเปิดว่า จากการที่ตนได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งชาติ ๒ ชุด อันได้แก่ ๑) คณะกรรมการกำหนดวิสัยทัศน์การปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมี รมว.ศธ.เป็นประธาน และมี รมช.ศธ. เป็นรองประธาน มีหน้าที่กำหนดวิสัยทัศน์เป็นแนวทางในการปฏิรูปหลักสูตร วางแนวทางระบบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้ความเห็นชอบระบบการจัดการศึกษาและหลักสูตร และ ๒) คณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมี ศ.พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เป็นประธาน มีหน้าที่ออกแบบระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ทั้งระบบ กำหนดรายวิชาต่างๆ ในหลักสูตร รวมทั้งเนื้อหารายวิชา การจัดการเรียนการสอนและลำดับขั้นในการเรียนรู้ ดำเนินโครงการตำราเรียนแห่งชาติ พัฒนาระบบการอนุมัติต้นฉบับตำราเรียน ดำเนินการทดสอบหลักสูตร และวางแผนการประกาศและใช้หลักสูตร โดยมีเป้าหมายที่จะปฏิรูปหลักสูตรให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน


 

การประชุมครั้งนี้เพื่อระดมความคิดจากหลากหลายมุมมอง ทั้งผู้บริหารการศึกษา นักการศึกษา ครู และสื่อมวลชน ซึ่งจะช่วยจุดประกายให้ผู้อื่นมาร่วมกันพัฒนาการศึกษา โดยบุคคลสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนคือครูอาจารย์ทั้งหลาย ที่จะเป็นกลไกที่ดีในการขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยมีเป้าหมายที่คุณลักษณะที่เด็กและเยาวชนไทยในอนาคตว่าควรจะเป็นอย่างไร คณะกรรมการจะช่วยกันคิดและกำหนดสิ่งที่เหมาะสมกับการเรียนของเด็กไทยในแต่ละช่วงชั้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา เช่น วิชาประวัติศาสตร์ เด็กควรรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ต้องกำหนดว่าเด็กต้องรู้แค่ไหนเพื่ออะไร เช่น ให้เด็กรู้ว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้น เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต เมื่อเจาะลงไปสู่รายละเอียดของแต่ละวิชา ก็ต้องอาศัยผู้อยู่ในวงการศึกษาช่วยกันคิดและกำหนดออกมาให้เหมาะสมกับบริบทการศึกษาไทย สำหรับเวลาที่ใช้ในการเรียน ซึ่งจะมีทั้งเวลาเรียนในห้องและนอกห้องเรียน รวมทั้งกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างและพัฒนาทักษะต่างๆ จะกำหนดสัดส่วนเวลาการเรียนของเด็กในแต่ละช่วงชั้นอย่างไร เป็นเรื่องที่ที่ประชุมจะต้องร่วมกันหารือต่อไป ทั้งนี้มีนักการศึกษาลายท่านเห็นความสำคัญ มีความสนใจและมีประสบการณ์ด้านการศึกษา ซึ่งตนจะได้นำคณะกรรมการไปเข้าพบเพื่อขอรับนโยบายในโอกาสต่อไป

ศ.พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ได้นำเสนอแนวทางการปฏิรูปหลักสูตรตาม ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่

๑) การปฏิรูปหลักสูตร
๒) ปฏิรูปครู
๓) เร่งสร้างความเข้มแข็ง STEME (Science Technology Engineering Mathematics English)
๔) เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
๕) ปรับโครงสร้าง

ซึ่งจะต้องดำเนินเพื่อสร้างโอกาส ความเท่าเทียมทางการศึกษา ทั้งมิติด้านการเข้าถึงและคุณภาพ ทั้งมิติความเข้มแข็งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับอุดมศึกษา ด้านทักษะและสร้างโอกาสนวัตกรรม (วิจัย) และความเชื่อมโยงและร่วมมือระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ชุมชน โรงเรียน ครู นักเรียน ซึ่งต่อจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการย่อยขึ้นมาประชุมหารือทุกสัปดาห์ เพื่อให้ทำงานได้เสร็จภายใน ๖ เดือนตามที่ได้รับมอบหมาย การปรับหลักสูตรครั้งนี้จะเป็นการปรับหลักสูตรครั้งใหญ่เพราะหลักสูตรที่ใช้อยู่มีจุดด้อยที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนไทยแย่ลง เช่น หลักสูตรฉบับนี้มีความย่นย่อ และปล่อยปลายเปิดให้ขึ้นอยู่กับการจัดการของครูมากเกินไป ซึ่งเหมาะสำหรับครูที่สามารถสูงนำไปใช้ ซึ่งหลักสูตรจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นอย่างไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและการทำงานของคณะทำงาน



 

รมว.ศธ.ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพิ่มเติมภายหลังพิธีเปิดว่า จะมีการปรับลดชั่วโมงเรียนทุกช่วงชั้นแน่นอน เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับนักเรียนในประเทศอื่นๆ แล้ว ไม่ได้เรียนมากเท่ากับนักเรียนไทยซึ่งใช้เวลาปีละ ๑,๐๐๐ ชั่วโมง แต่กลับมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีกว่า เช่น ฮ่องกงใช้เวลาเรียนปีละ ๗๐๐ ชั่วโมง จึงต้องกลับมาทบทวนเรื่องเวลาเรียนในแต่ละช่วงชั้น และเนื้อหาสาระที่จะให้เด็กเรียน โดยเปรียบเทียบเวลาเรียนจากประเทศอื่น อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าทัศนคติของการเรียนในอดีตอาจจะคิดว่าเรียนมากแล้วได้รู้มาก แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะเมื่อใช้เวลาเรียนมาก เวลาที่จะคิดวิเคราะห์ก็จะไม่มี แต่หากเราสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์ได้แล้ว การคิดในเรื่องอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสอนอีก เพราะเด็กจะสามารถคิดต่อได้เอง ซึ่งสิ่งนี้เป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ที่เราต้องการพัฒนาหลักสูตรและครูผู้สอน ส่วนอื่นเป็นส่วนช่วยเสริม หากสองอย่างแรกสำเร็จ ก็จะดำเนินการในส่วนที่เหลือต่อไป

 

ที่มาภาพและข่าวจาก http://www.moe.go.th/websm/2013/mar/086.html


การปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

มติ ครม.18 ธค.2555 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

มติ ครม.18 ธค.2555 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 10,778 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
การอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะการสอนสมุนไพร
การอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะการสอนสมุนไพร
เปิดอ่าน 5,518 ☕ คลิกอ่านเลย

สรุปการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักกระทรวงศึกษาธิการ 26 มิ.ย.2556
สรุปการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักกระทรวงศึกษาธิการ 26 มิ.ย.2556
เปิดอ่าน 6,213 ☕ คลิกอ่านเลย

ก.ค.ศ.เห็นชอบกำหนดอัตราเงินเดือนครูแรกบรรจุ 15,000 บาท
ก.ค.ศ.เห็นชอบกำหนดอัตราเงินเดือนครูแรกบรรจุ 15,000 บาท
เปิดอ่าน 24,848 ☕ คลิกอ่านเลย

ผลประชุม กคศ. ครั้งที่ 2/2554 เมื่อ 4 ก.พ.2554
ผลประชุม กคศ. ครั้งที่ 2/2554 เมื่อ 4 ก.พ.2554
เปิดอ่าน 16,364 ☕ คลิกอ่านเลย

มติ ครม. 18 มิถุนายน 2556 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ
มติ ครม. 18 มิถุนายน 2556 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ
เปิดอ่าน 8,241 ☕ คลิกอ่านเลย

2555 ปีแห่งการพูดภาษาอังกฤษ
2555 ปีแห่งการพูดภาษาอังกฤษ
เปิดอ่าน 8,715 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

แนวทางการสร้างคอร์สแวร์
แนวทางการสร้างคอร์สแวร์
เปิดอ่าน 15,836 ครั้ง

"7 กรีนส์" วิธีท่องเที่ยว แบบคนรักษ์โลก
"7 กรีนส์" วิธีท่องเที่ยว แบบคนรักษ์โลก
เปิดอ่าน 12,231 ครั้ง

ดื่มล้างพิษ เพิ่มพลัง ตับ แข็งแรง
ดื่มล้างพิษ เพิ่มพลัง ตับ แข็งแรง
เปิดอ่าน 17,550 ครั้ง

มาอัพเดทดวงของคุณในรอบ 2 สัปดาห์
มาอัพเดทดวงของคุณในรอบ 2 สัปดาห์
เปิดอ่าน 14,036 ครั้ง

ร่มไม้เท้า สินค้ากันฝนอเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุ
ร่มไม้เท้า สินค้ากันฝนอเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุ
เปิดอ่าน 642 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ